ดอยม่อนจอง … ม่อนลานทุ่งหญ้าสีทองและหัวสิงห์

มารู้จักดอยม่อนจองกัน

ดอยม่อนจอง อยู่ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าอมก๋อย (หน่วยมูเซอ) จังหวัดเชียงใหม่ (ไม่ได้อยู่ในเขตอุทยานแห่งชาตินะ) ครอบคลุมพื้นที่อำเภออมก๋อย จังหวัดเชียงใหม่ และ อำเภอสามเงา จังหวัดตาก โดยคำเมือง (ภาษาเหนือ) “ม่อน” หมายถึงดอยหรือเนินเขา คำว่า “จอง” (ออกเสียง จ๋อง) หมายถึงลักษณะจั่วสามเหลี่ยมที่อยู่สูงที่สุด

ม่อนจองติดอันดับ 1 ใน 10 ยอดดอยที่สูงที่สุดในไทย คือตรงหัวสิงห์ สูงจากระดับน้ำทะเลประมาณ 1,929 เมตร เปิดให้ท่องเที่ยวในช่วงเดือนพฤศจิกายน ถึงกุมภาพันธ์

การติดต่อเพื่อขึ้นดอยม่อนจอง

เราติดต่อกับศูนย์บริการการท่องเที่ยวดอยม่อนจอง (ศูนย์พัฒนาสังคมฯ บ้านมูเซอปากทาง) เพื่อจองรถกระบะและลูกหาบ ดูรายละเอียดได้จาก

เริ่มเดินทางกันเลยค่ะ

การขึ้นดอยม่อนจอง ให้ไปเริ่มที่ศูนย์บริการการท่องเที่ยว ที่บ้านมูเซอปากทาง ซึ่งจากตัวอำเภออมก๋อย ไปยังบ้านมูเซอปากทาง ให้ไปตามถนนเลข 1099 ระยะทางประมาณ 45 กิโลเมตร

เมื่อถึงศูนย์บริการการท่องเที่ยว ก็ติดต่อลงทะเบียน จัดเตรียมสัมภาระ แบ่งของให้ลูกหาบ แล้วขึ้นรถกระบะ 4WD ไปยังจุดเริ่มเดิน 

สำหรับการไปดอยม่อนจอง เราใช้ระยะเวลา 2 วัน 1 คืน ซึ่งวันที่เราไปมานั้นเป็นวันที่คนเยอะมากกกก คนรับลงทะเบียนยังบอกเลยว่าคนเยอะจริงๆ เพราะเพิ่งขึ้นได้เสาร์แรกหลังจากปิดไม่ให้ขึ้นไปสองเสาร์เพราะอากาศไม่ดีทำให้รถกระบะขึ้นไปยังจุดเริ่มเดินไม่ได้

จากศูนย์บริการนี้ เราจะต้องนั่งรถกระบะ 4 WD เพื่อไปยังจุดเริ่มเดิน ระยะทาง​ 16 กม.

อัตราค่าบริการ โดยค่าลูกหาบกับค่ารถค่อยมาจ่ายหลังจากกลับลงมาจากม่อนแล้ว

อัตราค่าบริการในการเข้าและกางเต็นท์ในพื้นที่เขตรักษาพันธ์ุสัตว์ป่าอมก๋อย ซึ่งไปจ่ายระหว่างทาง

หลังจากจัดการเรื่องลงทะเบียน เรื่องรถ ลูกหาบและสัมภาระเสร็จ ก็รอรถกระบะมารับ ระหว่างนั้นก็เดินเล่นรอบ ๆ บริเวณไปก่อน

มีเด็กๆ ในหมู่บ้านหลายคนวิ่งเล่นกันไปมา น่ารักดี ยิ่งคู่นี่นะ น่ารักมากกก เห็นกล้องละพร้อมถ่ายรูปตลอดเวลา

ที่นี่มีหมูดำเดินไปมา เดินกันเป็นครอบครัวเลย

รอซักพัก รถกระบะก็มารับ ได้เวลาขึ้นหลังกระบะเพื่อไปยังจุดเริ่มเดิน เส้นทางระหว่างทางจาศูนย์บริการการท่องเที่ยวดอยม่อนจองไปยังจุดเริ่มเดินเป็นทางลูกรัง ในรูปนี้คือช่วงถนนสภาพดี ซึ่งมีแค่นิดเดียว ส่วนใหญ่ถนนไม่ดี แต่ถ่ายรูปไม่ได้เลยยย เพราะรถเหวี่ยงไปมา ต้องเกาะราวเหล็กหลังรถ

ระหว่างทางจะมีแวะที่ทำการ โดยตัวแทนกลุ่มต้องลงไปจ่ายค่าเข้า ค่ากางเต็นท์ และวางบัตรประชาชนไว้ 1 ใบ เจ้าหน้าที่จะให้ถุงดำมา 1 ถุงเพื่อใส่ขยะของเราไว้ ขาลงให้เอามาแลกบัตรประชาชนคืน

นั่งรถกันต่อ หลังจากนี้คือความเหวี่ยงไปมาที่แท้จริงงงง

อยู่บนหลังกระบะรถระยะทาง 16 กิโลเมตร ก็มาถึงจุดเริ่มเดิน สำหรับเราการยืนบนนี้เกือบหนึ่งชั่วโมงเป็นช่วงเวลาที่โหดที่สุดของการมาเที่ยวครั้งนี้แล้ว คือมีความเหวี่ยงมาก สองมือต้องเกาะราวเหล็กหลังกระบะและแทบจะเกร็งแขนตลอดเวลา ขาก็ด้วย ถนนเป็นลูกรัง มีช่วงชันขึ้นชันลง และทางแคบมากกก

ถึงจุดเริ่มเดินแล้ว ก็เดินกันเลย กว่าเราจะได้เริ่มเดินก็บ่ายโมงแล้ว แต่ก่อนเดินก็นัดเวลากับพี่คนขับรถไว้ก่อนว่าพรุ่งนี้จะให้มารับกี่โมง
จากจุดเริ่มเดินถึงจุดตั้งแคมป์ซึ่งอยู่ในหุบเขา มีระยะทางประมาณ 4 กม.

เดินมาได้ประมาณครึ่งทาง จะเจอกองหินสูงๆ เรียกว่า “ภูหินช่อ” โดยบนนั้นจะสามารถเห็นทิวทัศน์ได้รอบตัว แต่ปีนค่อนข้างลำบากนะ และด้านบนหินมีพื้นที่ยืนไม่เยอะด้วย

ใช้ความพยายามอย่างมากในการปีนขึ้นมา เพราะช่วงก้าวขึ้นตอนปีนหินมันกว้าง และเราขาสั้น .. เราก็พาร่างมาถึงบนภูหินช่อได้

วิวจากบนภูหินช่อ

จากภูหินช่อ ก็เดินกันต่อเลย

ช่วงเดินก่อนถึงภูหินช่อ กับเลยภูหินช่อมาหน่อย เราเจอผึ้งเยอะมาก คอยมาตอม มาเกาะตลอด ยิ่งตัวนี้นะเกาะแน่นเลย ไม่ยอมไป และพยายามจะมุดเข้าไปใต้สายนาฬิกาอีก

ถึงครึ่งทางแล้วคณะลูกหาบก็แวะพักกันหน่อย

แวะพักกันพอหายเหนื่อยแล้ว ก็เดินกันต่อเลยค่ะ

เดินต่อมาเรื่อยๆ พอใกล้ถึงจุดตั้งแคมป์ ก็จะเจอเนินสุดท้ายแล้ววว “เนินหมาหอบ” เป็นเนินชัน 50 – 60 องศา

เงยหน้าขึ้นมาดูเนินหมาหอบ … อื้อฮือออ .. เนินน่ะไม่เท่าไหร่ แต่แดดแรงมากกกก

วิวที่มองกลับมายังเส้นทางที่เราเดินขึ้นมา ตอนยืนอยู่บนเนินหมาหอบ

วิวจากเนินหมาหอบ

เดินขึ้นมาพ้นเนินหมาหอบ จะเจอลานทุ่งหญ้าสีทองของดอยม่อนจอง “สนามกอล์ฟช้าง” และหัวสิงห์

ลานทุ่งหญ้าสีทองของดอยม่อนจอง “สนามกอล์ฟช้าง” ที่ลานมีทางแยกไปสองทาง หากไปทางซ้ายจะเดินเข้าหุบเขาเพื่อไปยังจุดตั้งแคมป์ หากไปทางขวาจะเป็นเส้นทางไปยังยอดหัวสิงห์ ซึ่งเดินไปอีกเกือบ 2 กม.

เส้นทางที่เดินจากจุดเริ่มเดินมาถึงเนินหมาหอบ มีทั้งช่วงที่เดินในร่มเงาต้นไม้ และช่วงที่ไม่มีต้นไม้บัง และตั้งแต่เริ่มขึ้นเนินหมาหอบ สนามกอล์ฟช้าง และทางเดินไปจนถึงหัวสิงห์ ไม่มีอะไรบังแดดเลยนะ โดนแดดเต็ม ๆ

มาถึงตรงนี้ ก็ไปยังจุดตั้งแคมป์ก่อน เพื่อไปกางเต็นท์ หลบแดด และพักขากันซักพัก

จุดตั้งแคมป์จะอยู่ในหุบ ถ้าเป็นวันคนเยอะ ให้รีบขึ้นไปจองที่กางเต็นท์เพราะถ้าขึ้นไปช้าจะได้จุดกางเต็นท์ที่ลึกมากกกก … แบบเรานี่ล่ะ เหอ ๆ

ลูกหาบจะช่วยเรากางเต็นท์ และก่อกองไฟให้สำหรับทำอาหาร

ช่วงที่ก่อกองไฟกันคือควันเยอะจริง นั่งผิดทิศนี่คือโดนรมควัน

กางเต็นท์ นั่งพักซักแป๊บ ก็เดินออกมาที่สนามกอล์ฟช้าง ถ่ายรูปทุ่งหญ้าสีทองที่กำลังโดนแสงแดดส่อง เราว่ายิ่งเย็นลง สีทุ่งหญ้ายิ่งสวยขึ้นเรื่อย ๆ

ผาหัวสิงห์ ตอนยืนที่สนามกอล์ฟช้างแล้วมองไป ดูเหมือนจะอยู่ใกล้ แต่จริงๆ แล้วระยะทางเกือบ 2 กม. ได้นะ

ถ้าจะเดินไปให้ถึงก่อนพระอาทิตย์ตก ก็เผื่อเวลาไว้ด้วย

สีเขียวอ่อน ๆ เป็นแพๆทางด้านขวา .. นั่นล่ะคือที่เราชอบที่สุด เป็นวิวที่เรามองกลุ่มต้นไม้จากมุมสูง สีเขียวๆที่อยู่กันเป็นแพยาวเป็นแม่น้ำคั่นระหว่างภูเขา ของจริงมันยาวนะ เราว่ามันสวยมากกกก เห็นแล้วดูมันนุ่มมาก อยากจะกระโดดลงไปเลยล่ะ แต่ถ้าโดดเราคงไม่น่ารอด 555

ซูม ๆ เข้าไปใกล้ ๆ หน่อย

เราเดินไม่ถึงยอดหัวสิงห์ เพราะอยากดูวิวพระอาทิตย์ตก แบบเห็นหัวสิงห์ด้วย

ยิ่งช่วงพระอาทิตย์ใกล้ตก แสงที่สาดมาก็จะยิ่งเป็นสีส้ม

ภาพสุดท้าย กับแสงสุดท้ายของวันนี้ค่ะ

สำหรับดอยม่อนจอง เราว่าที่นี่เดินชิวแบบสวนหลังบ้านอย่างที่เค้าบอกกันจริง ๆ ระยะทางเดินไปยังจุดตั้งแคมป์ไม่ไกล และเส้นทางเดินก็เดินสบาย เดินได้เรื่อย ๆ  ซึ่งสำหรับเราแล้ว สิ่งที่เหนื่อยที่สุดสำหรับทริปนี้ไม่ใช่การเดิน แต่คือการพยายามยืนบนรถกระบะเกือบ 1 ชั่วโมงแบบเหวี่ยงไปมา มือ แขน และขา แทบจะเกร็งตลอดเวลา จากการเดินทางระหว่างศูนย์บริการนักท่องเที่ยวกับจุดเริ่มเดินเนี่ยละ โหดที่สุดของทริปนี้ละสำหรับเรา

จากระยะทางเดินที่ไม่ไกล เส้นทางเดินก็เดินสบาย บอกเลยว่าวิวสวย ๆ ที่ไปพบเจอมามันคุ้มค่ามากกกกก ทั้งลานทุ่งหญ้า วิวเส้นทางเดินไปยังหัวสิงห์และหัวสิงห์

ถ้าหาที่เดินป่าแบบเดินไม่ลำบากมาก เดินไม่ไกล และได้มาพบเจอวิวสวย ๆ … มาที่นี่สิ “ม่อนจอง”

ค่าใช้จ่าย

  • ค่าเหมารถ 4WD ไปส่งจุดเริ่มเดิน ไม่เกิน 5 คน 2,500 บาท (เกิน 5 คน ดูค่าบริการตามรูปด้านบนได้เลยค่ะ)
  • ค่าลูกหาบ 1 คน 600 บาท (300/วัน) หาบไม่เกิน 20 กก.
  • ค่าเข้าอุทยาน 20 บาท/คน
  • ค่ากางเต็นท์ 50 บาท/หลัง
  • ค่าน้ำมันขับรถไป-กลับ ตัวเมืองเชียงใหม่กับศูนย์บริการการท่องเที่ยว 850 บาท

ข้อมูลอื่น ๆ เพิ่มเติม

  • ถ้าเป็นวันคนเยอะ ให้รีบขึ้นไปจองที่กางเต็นท์เลย เพราะถ้าขึ้นไปช้าจะได้จุดกางเต็นท์ที่ลึกมากกกก (เหมือนเรา T^T ฮืออ) คือจะเดินออกจากเต็นท์กลับมาที่ลานสนามกอล์ฟช้าง ยังไม่ทันจะได้เดินไปหัวสิงห์ ก็เหนื่อยแล้ว
  • แดดแรง และ ตอนเดินทางด้วยรถกระบะและเส้นทางเดินบางช่วงเป็นฝุ่น เตรียมอะไรบังแดดและกันฝุ่นมาด้วยนะ
  • ช่วงเดินกลับ ตอนใกล้จะถึงจุดที่รถกระบะจอด เราจะต้องเดินขึ้น ซึ่งเป็นการเดินขึ้นที่ยาวมากกก เป็นช่วงสุดท้ายก่อนกลับบ้านที่ให้เราได้ใช้ความพยายามอย่างจริงจัง เก็บพลังไว้มาเดินขึ้นตรงนี้ด้วยนะ เราว่าเส้นทางเดิน 2 วันนี้ ตรงช่วงนี้เป็นช่วงที่เหนื่อยที่สุดละ
  •  หากจ้างลูกหาบ เตรียมอาหารมื้อเย็นและมื้อเช้าสำหรับลูกหาบด้วย ลูกหาบจะช่วยกางเต็นท์ และก่อกองไฟสำหรับทำอาหารให้ ของเราก็กินง่าย ๆ เหมือนที่เรากินคือมาม่าคัพ โจ๊กคัพ ไส้กรอก

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *