23 Days Around Taiwan
วันที่ 1 :: วันหลับพักผ่อน
เรากำลังจะแวะไปหาเพื่อนเก่าที่ไม่ได้พบกันนาน ไปหาด้วยความคิดถึง และไปรู้จักกันให้มากกว่าเดิม .. เรากำลังจะไปไต้หวัน
เครื่องบินพาเราบินขึ้นท้องฟ้า ออกจากแผ่นดินประเทศไทยเวลาประมาณตี 3 ครึ่ง เราหลับตลอดเส้นทางจากไทยไปไต้หวันด้วยความง่วงนอน คืนก่อนเดินทางเราไม่ค่อยได้นอนเพราะกังวลว่าจะตื่นมาไม่ทันขึ้นเครื่องบิน ซึ่งสิ่งที่ควรเป็นคือเราควรรีบนอนเพราะเราต้องตื่นเร็ว แต่ก็นอนไม่หลับเพราะความกังวล
บางทีสิ่งที่เราไม่ต้องการให้เกิด มันก็อาจจะเกิดขึ้น เพราะเรากังวลมากเกินไปนี่ล่ะ เราอาจจะตื่นไม่ทันจริง ๆ เพราะเรานอนดึก … ดีหน่อยที่เราก็ตื่นนอนทันเวลา แต่ก็ง่วงนอนมากมายจากการที่แทบไม่ได้นอน
——————–
เรามาถึงไต้หวันเวลา 8 โมงเช้า ไต้หวันต้อนรับเราด้วยบรรยากาศเหงา ๆ ท้องฟ้าสีเทาและฝนตก บรรยากาศดูเหงา ไม่สดใส แต่ก็ไม่ทำให้ความอยากออกไปเจอเรื่องราวและผู้คนที่เราจะได้พบเจอตลอดเส้นทางในช่วงเวลา 23 วันนี้ลดลงเลย มีเพียงความรู้สึกหวั่นไหวเล็กน้อยต่อสภาพอากาศที่ไม่ค่อยเหมาะกับการออกไปเที่ยวธรรมชาติสักเท่าไหร่ และสถานที่หลักของการเดินทางมาไต้หวันในครั้งนี้ของเราก็คือภูเขา
แต่เรื่องสภาพอากาศ เรื่องของธรรมชาติ กระทั่งเรื่องอะไรก็ตามที่มันเกินไปกว่าความสามารถของเราในการทำให้มันเป็นไปตามที่เราต้องการนั้น จะมัวแต่มาเป็นกังวล หงุดหงิด หรือคิดมากไปก็คงไม่มีประโยชน์ สิ่งที่เราทำได้และจะทำให้เราสบายใจ คือการยอมรับในสิ่งที่เกิดขึ้น และอยู่กับสิ่งเหล่านั้น พรุ่งนี้ฝนตกก็กางร่ม อากาศเย็นก็ใส่เสื้อกันหนาว เท่านั้นเอง
เครื่องลงจอดที่สนามบินเถาหยวน (Taoyuan International Airport) เราออกจากเครื่อง ผ่านจุดตรวจคนเข้าเมือง รับกระเป๋า แวะเข้าห้องน้ำ พอออกจากเกทมาก็ไปที่ Tourist Service Center เพื่อหยิบแผนที่และแผ่นพับแนะนำที่ท่องเที่ยวและสถานที่น่าสนใจของเมืองต่าง ๆ ซึ่งเป็นสิ่งที่เราทำทุกครั้งเวลาเราเดินทางไปที่ต่าง ๆ เพราะเราชอบพกและดูแผนที่ จากนั้นไปซื้อซิมอินเตอร์เน็ต ที่เราคิดว่าจำเป็นมากสำหรับการเดินทางครั้งนี้ที่เราต้องเดินทางย้ายที่พักบ่อย ๆ และไม่สามารถใช้ภาษาที่ผู้คนที่นี่ใช้ในการสื่อสารกันได้เลย
ในสนามบินมีเครือข่ายโทรศัพท์สามเครือข่ายให้เลือกซื้อ ซึ่งเราไม่ได้หาข้อมูลมาก่อนว่าจะใช้เครือข่ายไหนดี คิดว่าใช้อันไหนก็ได้น่าจะเหมือนกัน เพราะครั้งก่อนที่มาไต้หวันเราก็ซื้อแบบเลือกสุ่มไปก็ใช้ได้ดี ครั้งนี้เราก็สุ่มเลือกไป โดยซื้อแพคเกจอินเตอร์เนต 30 วัน (1,000 NT$) ซึ่งตอนอยู่ในเมืองก็ใช้ได้ดีไม่มีปัญหาอะไร แต่มีปัญหาสัญญาณหายไปบ้างก็ตอนที่เราเข้าไปอยู่ในพื้นที่ภูเขาบางแห่งนี่ล่ะ
การเอาประสบการณ์ครั้งก่อนมาใช้ในการตัดสินใจครั้งนี้ เราลืมไปว่ามันมีเงื่อนไขบางอย่างที่ควรเอามาใช้ประกอบการตัดสินใจที่แตกต่างไปจากครั้งก่อน โดยที่บางทีก็เป็นเงื่อนไขที่อาจทำให้เราต้องเปลี่ยนการตัดสินใจไป .. การที่แผนการเดินทางส่วนใหญ่คือการไปนอกเมือง ไปภูเขา เราก็ควรหาข้อมูลเพื่อเลือกเครือข่ายที่ยังคงมีสัญญาณแม้จะไปอยู่ภูเขา
ประสบการณ์ที่ผ่านมาเรามักเอามาใช้ในการตัดสินใจในปัจจุบันก็จริง แต่ก็ไม่ควรลืมเอาเหตุการณ์หรือเงื่อนไขที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน ซึ่งอาจมีความแตกต่างไปจากครั้งก่อน มาใช้ร่วมในการตัดสินใจด้วยสินะ
——————–
เราจะเดินทางเข้าเมืองไทเป (Taipei) เมืองหลวงของไต้หวันด้วยรถบัส ซึ่งการจะไปสถานีรถบัสต้องลงมาชั้นล่าง ระหว่างทางเราแวะซื้อ easy card ที่ร้านสะดวกซื้อ Hi Life และเติมเงินไว้ในบัตร หากจะเดินทางบ่อย ๆ เราแนะนำให้ซื้อบัตรและเติมเงินไว้เพราะมันสะดวกจริงๆ ทั้งสำหรับการจ่ายเงินค่าเดินทางด้วยรถบัส รถไฟ และซื้อของในร้านสะดวกซื้อ
การเดินทางโดยรถบัสมีความสะดวกและชัดเจนมาก ไม่ต้องกลัวหลง หรือเสียเวลากับการงงว่าจะต้องไปที่ไหน ขึ้นรถตรงไหน เพราะตรงจุดขึ้นรถบัส มีป้ายบอกชัดเจนว่า เลขรถสายไหน จะวิ่งไปที่ไหน ซื้อตั๋วได้ที่ช่องไหน และขึ้นรถที่ป้ายหมายเลขใด หากเราจะจ่ายค่าเดินทางด้วยบัตรอยู่แล้ว ก็ไปรอขึ้นรถและจ่ายค่าเดินทางบนรถได้เลยโดยแตะบัตรกับที่แตะบัตรตอนขึ้นรถและอีกครั้งตอนลงรถ โดยไม่ต้องไปซื้อตั๋วที่ช่องขายตั๋ว ซึ่งรถที่เราขึ้นเพื่อไปไทเป เป็นรถบัส Kuokuang หมายเลข 1819 วิ่งไปถึง Taipie Main Station และระหว่างทางจากสนามบินไปไทเป คนขับรถจะประกาศชื่อป้ายของป้ายถัดไปที่กำลังจะถึง ซึ่งหากเราต้องการลงป้ายใดก็กดออดให้คนขับรู้ว่าเราต้องการลงที่ป้ายนั้น
รถที่เรานั่งมามีผู้โดยสารซึ่งรวมเราแล้วเพียงสี่คน เราเพลิดเพลินไปกับการมองวิวข้างทางตลอดทางจากสนามบินเข้าไทเป การนั่งรถบัสทำให้เราได้เห็นบรรยากาศรอบ ๆ ของเส้นทางที่รถวิ่งผ่าน แม้เส้นทางเหล่านี้เราเคยผ่านมาแล้วครั้งหนึ่งเมื่อหลายปีก่อน แต่เราก็จำภาพเหล่านี้แทบไม่ได้เลย .. อาจเป็นเพราะครั้งก่อนเราปล่อยสิ่งเหล่านี้ผ่านสายตาไปด้วยความไม่ใส่ใจ แต่ครั้งนี้แตกต่างกันไปเพราะเรามองด้วยความสนใจ และครั้งหน้าที่เราผ่านเส้นทางนี้อีกครั้งหนึ่ง เราคงมีความรู้สึกคุ้นเคยแน่นอน
การเดินทางจากสนามบินมาไทเปนั้นมีหลากหลายวิธีการ เช่น นั่งรถไฟด่วน Airport Express Train หรือนั่งรถบัส ซึ่งนั่งรถไฟด่วนก็ประหยัดเวลาเดินทางเพื่อที่จะได้เอาเวลาไปใช้กับสิ่งอื่นที่ตั้งใจไว้ ขณะที่นั่งรถบัสก็ค่อย ๆ ใช้เวลาไปกับการเดินทางนี้เพื่อเก็บเรื่องราวและรายละเอียดระหว่างเส้นทาง … การเดินทางไปจุดหมายปลายทางใด ๆ อาจไปได้หลายเส้นทางหรือวิธีการ จะต่างกันก็แค่รายละเอียดระหว่างทาง และสิ่งที่ได้จากการเลือกวิธีการนั้น
รถบัสวิ่งผ่านผู้คน ต้นไม้ อาคาร เคลื่อนผ่านสายตาไปเรื่อย ๆ ในบางทีก็สงสัย ว่าเป็นเราที่เคลื่อนไหวในขณะที่สิ่งอื่นอยู่ตรงที่ของมัน หรือเราอยู่ในที่ของเราแล้วเป็นสิ่งรอบตัวที่เคลื่อนไหวผ่านไป หรือแท้จริงแล้วไม่มีสิ่งใดที่หยุดนิ่งเลย คือทุกอย่างทั้งเราและรอบ ๆ ตัวที่มีการเคลื่อนไหวเปลี่ยนแปลงตลอดเวลาไม่ว่าจะมากหรือน้อยก็ตาม
——————–
เราลงรถบัสที่ป้าย Kulun Street เพื่อที่จะไปขึ้นรถไฟ MRT สถานี Yuanshan นั่งต่อไปอีกหนึ่งสถานีเพื่อไปลงที่รถไฟ MRT สถานี Jiantan ซึ่งที่พักเราอยู่ใกล้ๆ กับสถานีนี้ พอเราลงจากรถ เราก็เปิด Google Map เพื่อไปสถานีรถไฟ เราดูแผนที่แบบผ่าน ๆ และเชื่อมั่นในสัญชาตญาณว่าสถานีรถไฟต้องไปทางนี้แน่นอน แต่ยิ่งเดินไปไกลเท่าไหร่ก็ยิ่งไม่มีวี่แววของสถานีรถไฟเลย เราเดินไกลขึ้นเรื่อย ๆ จนรู้สึกว่ามันไกลเกินกว่าระยะทางที่เราเห็นในแผนที่ พอรู้สึกแบบนั้นเราจึงดูแผนที่อีกรอบ … เราเดินมาทิศทางตรงกันข้ามกับทางไปสถานีรถไฟ และเดินมาไกลระยะทางเป็นเท่าตัว
การก้าวไปข้างหน้าด้วยความเชื่อในสัญชาตญานตนเอง ก็ควรที่จะสนใจข้อเท็จจริงรอบ ๆ ตัวสักหน่อย ว่ามันใช่ทางที่จะพาไปยังสถานที่ที่เราต้องการไหม แต่บางทีการเดินไปผิดทางมันก็ยังพอมีข้อดีอยู่บ้างเพราะทำให้เราเห็นอะไรที่มันอยู่นอกเส้นทาง ได้เห็นสิ่งที่หากเดินเส้นทางปกติคงไม่ได้พบเจอ ซึ่งบางทีมันอาจสวยงามและคุ้มค่าต่อเวลาที่เราใช้ไปเพื่อออกนอกเส้นทาง
——————–
จากสถานีรถไฟ Yuanshan เรานั่งไปหนึ่งสถานีเพื่อไปลงที่สถานีรถไฟ Jiantan ที่พักเราอยู่ใกล้สถานีรถไฟ เพียงออกจากสถานี ข้ามถนน ก็ถึงที่พักของเราแล้ว ซึ่งตึกแถวนี้เป็นแบบลักษณะตึกแถวหรืออพาร์ตเมนต์หลายๆ ตึกที่อยู่ติด ๆ กันริมถนน และที่พักของเราก็อยู่ที่ชั้น 4 ของตึกใดซักตึกที่อยู่ด้านหน้าเรา แม้จะเป็นช่วงกลางวัน แต่แถวนี้คือเงียบ ไม่มีผู้คนเดิน ไม่มีร้านค้าเปิด เรายืนอยู่ด้านหน้าตึกที่เรามั่นใจว่าที่พักเราอยู่ที่นี่ แต่ปัญหาคือเราเข้าไปไม่ได้เพราะประตูล็อค
มาไต้หวันครั้งก่อน และตอนไปฮ่องกง ที่พักเราจะอยู่ในบางชั้นของตึกแถวหรืออพาร์ตเมนต์ที่มีหลายๆชั้น เราเดินเข้าลิฟต์และขึ้นไปยังชั้นที่เป็นที่พักได้เลย นี่เป็นครั้งแรกที่เราเจอตึกที่ล็อคเอาไว้ตลอดเวลา แล้วเราจะเข้าไปติดต่อยังไงนะ
เราเช็คอีเมล์ แล้วเจอว่าเมื่อวานโฮสเทลส่งอีเมล์มาหาเราเพื่อแจ้งว่าตึกล็อคตลอดเวลา ต้องนัดหมายเวลาล่วงหน้าว่าจะมาถึงกี่โมง แล้วจะมีคนลงมาเปิดประตูให้ เราจึงส่งอีเมล์ไปบอกโฮสเทลว่าเรามาถึงแล้วรออยู่หน้าตึก ซึ่งตอนแรกเราคิดว่ารอซักพักคงไม่เป็นไร ก็รอไปเรื่อย ๆ เพราะเราก็ไม่ได้รีบไปที่ไหน รอเค้าเปิดอ่านอีเมล์ ซึ่งเราก็ไม่ได้คาดหวังว่าจะต้องเร็วอะไรมากมาย จนกระทั่งฝนเริ่มตกลงมาแล้วเราไม่มีที่หลบฝน .. เราเปลี่ยนความคาดหวังใหม่ ถ้าคนที่โฮสเทลเค้าเปิดอ่านเมล์ แล้วลงมาเปิดประตูให้เราได้ไว ๆ ก็คงดี
รออยู่หน้าตึกท่ามกลางฝนตกไม่นาน น้องจากที่พักก็ลงมาเปิดประตูให้ ซึ่งเร็วกว่าที่คิดไว้ตอนแรกมาก
เราพักที่ FUN TAIPEI at Shilin Night Market เพราะอยู่ใกล้ป้ายรถบัสที่จะไปอุทยาน Yanmingshan ซึ่งเราจะไปวันพรุ่งนี้ ข้ามถนนมาก็เจอป้ายรถบัสเลย และอยู่ใกล้ตลาดกลางคืนซึ่งหาของกินง่าย เดินลงมาจากที่พักก็เจอของกินขายอยู่มากมาย
ที่พักที่นี่มีเครื่องซักผ้าและผงซักฟอกให้ใช้ฟรีด้วย ส่วนเครื่องอบผ้าต้องหยอดเหรียญจึงจะใช้ได้ ห้องที่เรานอนเป็นนอนรวม 4 คน เฉพาะผู้หญิง ราคาคืนละ NT$ 300 (ประมาณ 320 บาท) พื้นที่ส่วนกลางและห้องน้ำสะอาด ตั้งอยู่ใกล้สถานีรถไฟ Jiantan ป้ายรถบัส ร้านสะดวกซื้อ และตลาดกลางคืน แต่ตึกนี้ไม่มีป้ายบอกนะว่ามี hostel อยู่ชั้น 4 และไม่รับ walk in การมาที่นี่จึงควรงดูรูปมาก่อนว่าหน้าตาตึกที่ hostel นี้ตั้งอยู่เป็นแบบไหน
ความตั้งใจที่เรามาที่พักเป็นที่แรก เพราะอยากเอากระเป๋าใบใหญ่ 65 ลิตร น้ำหนักเกือบ 18 กิโลกรัม มาทิ้งไว้ ก่อนไปเดินสำรวจรอบ ๆ ต่อ แต่พอฝนตก และที่โฮสเทลใจดีให้เราเช็คอินก่อนเวลา เราได้เตียงล่าง ไม่มีใครอยู่ในห้อง และด้วยอาการง่วงจากที่เมื่อคืนนอนดึก เราวางกระเป๋าไว้ข้างเตียง หัวถึงหมอนเราก็หลับไปเลย แม้แต่เปิดแอร์เราก็ไม่ได้เปิด … เราหลับตั้งแต่ 11 โมงครึ่ง ตื่น ห้าโมงเย็น
สวัสดีไต้หวัน วันแรกที่มาเจอกัน เราขอนอนหลับพักผ่อนก่อนนะ จะได้มีแรงไว้ทำความรู้จักเธอในอีก 22 วันที่เหลือ
——————–
สำหรับข้อมูลภาพรวมการเดินทาง 23 วันในไต้หวัน ว่าไปที่ไหนบ้าง ค่าใช้จ่ายรวมเท่าไหร่ อ่านได้ที่นี่เลยค่ะ