23 Days around Taiwan :: เดินทาง 23 วันรอบเกาะไต้หวัน

::  23 Days around Taiwan  ::

ไต้หวันมีอะไร … ไปคนเดียวทำไมตั้ง 23 วัน

การเดินทางไปไต้หวันในครั้งนี้ เกิดขึ้นจากการอยากจะเดินทางไปนาน ๆ ที่ไหนซักที่ อยากจะไปเดินภูเขา เข้าสู่ธรรมชาติ .. อยากไปนาน ๆ แต่งบประมาณก็มีไม่เยอะ … จนสุดท้ายมาจบที่ไต้หวันซึ่งอยู่แบบฟรีวีซ่าได้ถึง 30 วัน และค่าครองชีพ ค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ก็อยู่ในงบที่พอไหว

การมาไต้หวันครั้งนี้เป็นครั้งที่ 2 เราเคยมาที่นี่แล้วเมื่อ 3 ปีก่อน ซึ่งครั้งก่อนที่มา เราก็ไปเที่ยวตามสถานที่ท่องเที่ยวที่ส่วนใหญ่นิยมไปกัน คือที่ทะเลสาบสุริยันจันทรา (Sun Moon Lake), เขาอาลีซัน (Alishan), อุทยานหินเย่หลิว, ถนนโบราณ Jiufen, Shifen Waterfall, Taroko National Park, Elephant Mountain และสถานที่สำคัญต่าง ๆ ในตัวเมืองไทเป

เป็นการเดินทางที่ยังแอบมีความตื่นเต้นเหมือนเดิมกับครั้งก่อน คือ มาคนเดียว และสกิลการสื่อสารคือพูด อ่าน เขียนภาษาจีนไม่ได้ (ได้แค่ 3 คำ คือสวัสดี ขอบคุณ และ คนไทย) .. แม้จะตื่นเต้นบ้าง แต่ไม่กังวล เพราะจากการมาครั้งก่อน ทำให้ได้รู้ว่า ผู้คนที่นี่มีน้ำใจ ช่วยเหลือ แม้เรากับเค้าจะคุยกันไม่ค่อยรู้เรื่องก็ตาม

ครั้งนี้เรามาอยู่ไต้หวัน 23 วัน หลาย ๆ คนก็สงสัยว่า เอ๊ะ …. ครั้งก่อนไปมาตั้ง 8 วันแล้ว ก็น่าจะครบทุกสถานที่ท่องเที่ยวแล้ว ครั้งนี้จะไปที่ไหน ไต้หวันมีอะไรให้เที่ยวเยอะขนาดนั้นเลยเหรอ .. ตอนแรกเราก็คิดแบบนั้น เพราะตอนตัดสินใจมาครั้งนี้ เราแค่อยากเดินทางรอบเกาะ แต่พอได้หาข้อมูลแล้ว เฮ้ยยย จริง ๆ ที่ไต้หวันมีอะไรให้เที่ยวเยอะแยะเลยนะ ยิ่งถ้าเป็นคนที่ชอบธรรมชาติ ชอบภูเขา ด้วยแล้วล่ะก็ ไต้หวันมีที่ให้เราได้ไปเที่ยวเยอะมากเลย ซึ่ง 23 วันนี้เราได้ตัดบางสถานที่ที่อยากจะไปออกบ้างด้วย

การมาครั้งนี้ บอกเลยว่าเตรียมตัวน้อยมาก ตั๋วคือซื้อล่วงหน้าไว้หลายเดือน แต่วางแผนเที่ยวและจองที่พักเพิ่งทำล่วงหน้า 1 เดือนก่อนเดินทาง เป้าหมายหลักคือ เดินทางยาว ๆ รอบเกาะไต้หวัน และเดินเที่ยวภูเขา แผนส่วนใหญ่คือแค่ระบุเมืองที่จะไป ส่วนที่ท่องเที่ยวในเมืองนั้น ๆ ค่อยไปหาเอาข้างหน้าละกัน โดยโพสต์นี้เราจะมาสรุป 23 วันรอบเกาะไต้หวันของเรา ซึ่งได้แวะเที่ยวบางเมืองบ้าง ส่วนรายละเอียดและเรื่องราวการเดินทาง จะค่อย ๆ ทยอยทำตามมาอีกทีนะะะะ

สรุปการเดินทาง

  • จำนวนวันเดินทาง : 23 วัน
  • การเดินทาง : รอบเกาะไต้หวัน ท่องเที่ยวทุกวิธีการเดินทางทั้งนั่งบัสในเมือง/ระหว่างเมือง รถไฟ TRA / MRT / THSR ขี่ scooter ไฟฟ้า นั่งรถส่วนตัวของคนไต้หวัน ปั่นจักรยาน (เหลือนั่งเรือที่ยังไม่ได้ทำ)
  • ค่าใช้จ่าย : ไม่รวมตั๋วเครื่องบิน 25,700 บาท
    • ที่พัก 13,200 บาท (นอนโฮสเทลห้อง Dormitory ราคา 300 – 660 บาท/คืน ยกเว้นบนภูเขา Hehuanshan 1,200 บาท/คืน)
    • เดินทาง 4,500 บาท
    • ซิมอินเตอร์เนต 1,100 บาท
    • กิน ค่าเข้าสถานที่ ซื้อของ จิปาถะ 6,600 บาท
  • ค่าตั๋วเครื่องบิน 7,365 บาท
  • กระเป๋า : กระเป๋าเป้ 65 ลิตร + กระเป๋าเป้ใบเล็กเอาไว้สะพายเที่ยวระหว่างวัน

••••••••••••••••

0 :: เดินทางรอบเกาะไต้หวัน

อยู่ไต้หวัน 23 วัน เป้าหมายหลักคือ เดินทางยาว ๆ รอบเกาะไต้หวัน และเน้นเที่ยวภูเขา / ธรรมชาติ แผนส่วนใหญ่คือแค่ระบุเมืองที่จะไป ส่วนที่ท่องเที่ยวในเมืองนั้น ๆ ค่อยไปหาเอาข้างหน้าละกัน

สรุป 23 วันเดินทางรอบเกาะไต้หวัน ตามนี้เลยยย (เส้นสีน้ำเงินอาจจะไม่ตรงเป๊ะเพราะอ้างอิงจากเส้นทางรถวิ่ง)

1 – Hello Taiwan
2 – Yangmingshan National Park >> Er Zi Ping , Shilin Night Market
3 – Yangmingshan National Park >> Xiao You Keng + Qixing Main Peak + Qing Tian Gang
4 – Houtong Cat Village, Keelung Mountain Trail, Jiufen Old Street
5 – Golden Waterfall, Yingyang Sea, Bitou Cape Trail
6 – เดินเล่นบนเขาหลัง Gold Museum
7 – Caoling Historic Trail
8 – Yilan
9 – เดินทางไป Kenting National Park
10 – ขี่ scooter ไฟฟ้าเลียบชายฝั่งตะวันออกของ Kenting National Park
11 – นั่งจดบันทึกอยู่ในโฮสเทลที่ Kenting
12 – Kaohsiung
13 – Tainan
14 – Tainan
15 – เดินทางไป Hehuanshan National Forest Recreation Area
16 – Hehuanshan Hiking Trail
17 – เดินทางกลับ Taichung, ไป Rainbow Village
18 – ปั่นจักรยานในเมือง Taichung, ไป Fan Shaped Train Garage ที่ Changhua
19 – เดินทางไป Taipei
20 – Laomei Green Reef, Fu Gui Cape Lighthouse
21 – Sanxia
22 – เดินเขาส่งท้ายที่ Guanyinshan
23 – Goodbye Taiwan

••••••••••••••••

วันที่ 1 :: Hello Taiwan

เราออกเดินทางจากกรุงเทพเวลาตี 3.30 มาถึงไต้หวัน เวลา 8.00 น.

หลังจากผ่านตรวจคนเข้าเมือง รับกระเป๋า และเดินออกมาแล้ว เราไปหยิบแผนที่และแผ่นพับต่าง ๆ ตรง Tourist Service Center ไปซื้อแพคเกจซิมอินเตอร์เน็ตแบบ unlimited 30 วัน ไปซื้อบัตร Easy Card และเติมเงินที่ร้านสะดวกซื้อ Hi Life จากนั้นไปขึ้นรถบัส Kuokuang หมายเลข 1819 ซึ่งวิ่งไปถึง Taipie Main Station โดยหากมี Easy Card แล้ว ก็ไม่ต้องซื้อตั๋วก็ได้ ไปแตะการ์ดกับเครื่องในรถข้างคนขับได้เลย เราลงป้ายที่ 2 ไปต่อ MRT ที่สถานี Yuanshan เพื่อไปที่พักที่อยู่สถานี Jiantan (ถ้าจะไป Taipei Main Station ก็นั่งยาวไปถึงสุดสายได้เลย)

••••••••••••••••

วันที่ 2 :: แพ้ความหนาวที่อุทยาน Yangmingshan National Park

ด้วยความชอบเที่ยวภูเขา ทำให้อุทยาน Yangmingshan National Park เป็นสถานที่แรก ๆ เลยที่เราตั้งใจจะมาให้ได้ เพราะระยะทางที่ไม่ไกลจากไทเป เดินทางสะดวก(และไม่แพง) ธรรมชาติสวยงาม และมีเส้นทางการเดินชมธรรมชาติหลาย trail มีทั้งเดินทางเรียบ เดินขึ้นเขา เดินในร่มไม้ หรือจะเดินดูวิวเปิดโล่ง ก็มีให้เลือกเดินหลายเส้นทาง

เราขึ้นรถบัสจากหน้าสถานีรถไฟ Jiantan ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชม. จากนั้นไปขึ้นรถ shuttle bus ที่วิ่งวนในบริเวณอุทยาน โดยตอนแรกวันนี้ตั้งใจจะมาเดิน 2 ที่ คือ Er Zi Ping trail กับ Qing Tian Gang แต่ตอนแพคกระเป๋าเดินทางไปเอาความมั่นใจมาจากไหนไม่รู้ว่ามารอบนี้คงไม่เจอความหนาว เลยเอามาแค่เสื้อกันลม 1 ตัว พอมาถึง Er Zi Ping ที่แรกเท่านั้นล่ะ … มันหนาวมาก อากาศชื้น มีหมอก และลมแรง เพราะฝนเพิ่งหยุดตกไป เราเดินแค่ 400 เมตรแรก ก็มือแข็ง น้ำมูกไหล แต่ก็ยังทนเดินไปจนสุด Trail จนถึง Er Zi Ping ซึ่งควรจะได้เห็นวิวสระน้ำและวิวภูเขารอบ ๆ แต่ที่เราเห็นก็ได้แค่หมอกขาวๆ บดบังวิวรอบ ๆ ไปหมด สุดท้ายยอมแพ้ เดินกลับมารอรถ (ระยะทางเดินไปและกลับมาขึ้นรถ 3.6 กม.) แล้วเดินทางกลับเข้าที่พัก เพราะไม่ไหวจริง ๆ หนาวมาก และถ้าไปจุดอื่นต่อก็คงจะไม่เห็นวิวอะไรอีกเหมือนเดิม

••••••••••••••••

วันที่ 3 :: เดิน Trail ที่อุทยาน Yangmingshan National Park

(1)  Xiaoyoukeng

วันนี้เราก็ยังคงไปที่อุทยาน Yangmingshan National Park โดยเราจะไป Main peak ของภูเขา Qixing ซึ่งจากที่เมื่อวานพ่ายแพ้ความหนาวจนต้องหนีกลับ วันนี้เราพร้อมมาก ใส่ฮีทเทคและพกเสื้อกันหนาวตัวหนา ๆ ที่เพิ่งซื้อเมื่อคืนมาด้วย (ซึ่งสุดท้ายก็ไม่ได้ใช้เพราะวันนี้หนาวไม่เท่าเมื่อวานนน ฮือออ)

การเดินขึ้น Mt. Qixing Main Peak สามารถเริ่มเดินได้จากหลายจุด โดยเราเลือกเริ่มเดินจาก Xiaoyoukeng เป็นพื้นที่เป็นภูเขาไฟที่ดับแล้ว แต่ยังมีไอร้อนพุ่งออกมา เราถ่ายรูปเล่นที่ Xiaoyoukeng และไปเดิน Bamboo Trail นิดนึง (อยู่หลังอาคาร) จากนั้นก็เริ่มเดินเส้นทางขึ้น Main Peak ของภูเขา Qixing

••••••••••••••••

วันที่ 3  :: เดิน Trail ที่อุทยาน Yangmingshan National Park

(2) Mt. Qixing Main Peak & East Peak

Mt. Qixing เป็นยอดเขาที่สูงที่สุดในไทเป มีความสูงจากระดับน้ำทะเล 1,120 เมตร โดยเมื่อเราไปอยู่บนยอดเขา จะเห็นวิวรอบตัว 360 องศา ทั้งวิวเมืองไทเป วิวเทือกเขารอบ ๆ ธรรมชาติ ต้นไม้ และทะเล

เราเริ่มเดินจาก Xiaoyoukeng ซึ่งเส้นทางจาก Xiaoyoukeng มา Mt. Qixing main peak และ East peak เราว่าสวยนะ ทั้งวิวภูเขารอบ ๆ วิวทะเล และวิวเมืองที่มองลงไปจากบนภูเขา เส้นทางเดินส่วนใหญ่ไม่มีร่มเงาต้นไม้บัง เป็นเส้นทางเดินที่เดินผ่านต้นหญ้า เปิดโล่ง มองเห็นวิวรอบ ๆ (และโดนแดดเต็ม ๆ) ทางเดินทำไว้เป็นแบบปูหิน และทำขั้นบันไดไว้ให้ตลอดทาง แต่แม้จะฟ้าใส แดดแรง แต่ตอนอยู่บนยอดบอกเลยว่าหนาวมาก ลมพัดแรงมาก และเมื่อเดินถึงยอดเขาแล้วจะเป็นเส้นทางเดินลงเขาไปยัง Lengshuikeng

  • จาก Xiaoyoukeng มา Mt. Qixing Main Peak ระยะทาง 1.6 กม.
  • เดินต่อมาที่ Mt. Qixing East Peak 300 เมตร
  • เดินลงจากเขาไปที่ Lengshuikeng Trail Entrance 1.8 กม.

รูปภาพและข้อมูลเดินขึ้น Mt. Qixing Main Peak & East Peak ไปดูได้ที่นี่เลย

••••••••••••••••

วันที่ 3 :: เดิน Trail ที่อุทยาน Yangmingshan National Park

(3) Qingtiangang

ลงจาก Mt. Qixing Main Peak มาถึง Lengshuikeng เวลาเหลือเยอะกว่าที่เรากะเอาไว้ เราเลยเดิน Lengshuikeng-Qingtiangang trail ต่อ เพื่อไปยัง Qingtiangang ระยะทาง 1.8 กม. (หรือจะนั่งรถ shuttle bus ไปก็ได้)

Qingtiangang เป็นพื้นที่ลานหญ้าเขียว ๆ กว้าง ๆ ซึ่งวันที่เราไป มีถ่ายพรีเวดดิ้งกันเยอะมากเลย ที่นี่มี Qingtiangang Circular Trail ให้เราได้เดินวนรอบ ๆ พื้นที่ระยะทาง 2.4 กม. ด้วย

จากนั้นเราก็เดินทางกลับไปยังที่พัก โดยวันพรุ่งนี้เราจะเริ่มเดินทางออกจากไทเปเพื่อวนรอบเกาะไต้หวันแล้ว

••••••••••••••••

วันที่ 4 :: เดินขึ้นภูเขา Keelung ที่ Jiufen

วันนี้เป็นวันแรกของการเริ่มเดินทางออกนอกไทเปเพื่อวนรอบเกาะตามเข็มนาฬิกา โดยจุดหมายของวันนี้คือการไปเดินขึ้นภูเขา Keelung ซึ่งอยู่ไม่ไกลจาก Jiufen old street โดยการเดินทางวันนี้เราขึ้นรถไฟจาก สถานี Jiantan ไปเปลี่ยนรถไฟที่ Taipei Main Station แวะเที่ยวที่ Houtong Cat Village ก่อนจะกลับมาที่สถานี Ruifang เพื่อขึ้นรถเมล์ไปที่พักที่อยู่ใกล้ ๆ Jiufen Old Street

เราไปเดินขึ้นภูเขา Keelung ช่วงใกล้ ๆ เย็นโดยจาก Jiufen Old Street เดินไปตามถนนขึ้นเนินไปไม่ไกล ก็จะเจอจุดเริ่มเดินขึ้นภูเขา Keelung ซึ่งมีระยะทางเดินขึ้นภูเขาประมาณ 900 เมตร ทางเดินเป็นบันไดหินตลอดทาง โดยระหว่างทางเดินและบนยอด เราจะเห็นทั้งวิวเมือง วิวภูเขา และวิวทะเล

หลังจากเดินลงจากภูเขาพร้อมดูวิวพระอาทิตย์ตกไปด้วย เราก็ไปหาอะไรกินที่ Jiufen Old Street ต่อก่อนเข้าที่พัก

••••••••••••••••

วันที่ 5 :: (1) Golden Waterfall

ที่ตั้งใจไว้คือวันนี้จะไปเดินขึ้นภูเขา Teapot moutain แต่เมื่อวานระหว่างเดินกลับที่พักหลังจากกินข้าวที่ Jiufen Old Street เสร็จนั้น ขาก็เป็นตะคริวขึ้นมาจ้าาา คงเป็นเพราะเดินเยอะติดกันมาหลายวัน ละนี่ขายังตึงๆ ปวดๆ มาจนถึงวันนี้ เช้านี้ตื่นมาเลยเปลี่ยนแผนไปเดินเบา ๆ แทนดีกว่า โดยสลับเอาที่เที่ยวของวันพรุ่งนี้มาแทน

วันนี้เราจะไปตามเส้นทางริมชายฝั่ง เรานั่งรถบัสไปดู Golden Waterfall ซึ่งเดิมพื้นที่บริเวณ Jinguashi เป็นพื้นที่ทำเหมือง และจากแร่ธาตุโลหะทั้งหลายที่สะสมทำให้หินน้ำตกที่นี่กลายเป็นสีทอง

••••••••••••••••

วันที่ 5 :: (2) ตามหา Lighthouse ที่ Bitou Cape Trail

จาก Golden Waterfall เราเดินไปริมชายฝั่งที่ Yinyang Sea ซึ่งเป็นจุดที่น้ำสีทองและน้ำทะเลสีน้ำเงินเข้มมาเจอกัน จากนั้นเราขึ้นรถบัสเพื่อไปที่ Bitou Cape ซึ่งที่นี่จะมี Trail ให้เราเดินเป็นเส้นทางเขาเลียบชายฝั่ง เห็นทั้งวิวภูเขา หญ้า ชายฝั่งและทะเล ซึ่งสิ่งที่ทำให้เรามาที่นี่คือรูปที่เราเห็นมาจากในอินเตอร์เน็ต เป็นรูปประภาคารสีขาว Bitou Cape Lighthouse กับพื้นที่หญ้าสีเขียว ตัดกับมหาสมุทรสีน้ำเงิน … คือสวยมากอยากเห็นด้วยตาตัวเอง .. แต่เราเดินจนจบเส้นทาง Trail เราก็ยังไม่เจอประภาคาร กลายเป็นว่าช่วงที่เราไปเค้าขยายระยะเวลาซ่อมแซมและปิดเส้นทางเดินไปชมประภาคารจ้าาา T^T

••••••••••••••••

วันที่ 6 :: เดินเล่นบนเขาหลัง Gold Museum

จริง ๆ วันนี้เราตั้งใจจะไปเดินขึ้นเขา Teapot Mountain และ Ban Ping Mountain แต่ด้วยเหตุการณ์อะไรหลาย ๆ อย่าง ทำให้วันนี้เราไปได้เพียงเดินเล่นบนเขา หลัง Gold Museum ซึ่งเป็นเส้นทางเดินที่สามารถไปขึ้นภูเขา Teapot ได้ โดยระหว่างทางเดินก็จะเห็นวิว Jiufen วิว Jinguashi ภูเขา Keelung ที่เราไปเดินขึ้นมาเมื่อวันก่อน และวิวทะเล

เรานั่งดูวิวอยู่ตรงนี้ชั่วโมงกว่า ๆ เราก็เดินลงและกลับมาที่สถานีรถไฟ Ruifang เพื่อเดินทางต่อไปที่พักที่สถานีรถไฟ Dali

••••••••••••••••

วันที่ 7 :: Caoling Historic Trail

ตามแผนคือวันนี้ตั้งใจจะไปเดินเส้นทาง Taoyuan Valley Trail ซึ่งเรากะว่าจะเริ่มเดินจากสถานีรถไฟ Dali ไปเส้นทางช่วงแรกของ Caoling Historic Trail แล้วแยกออกไปเข้าเส้นทาง Taoyuan Valley Trail และลงเขาไปสุดเส้นทางวันนี้ที่สถานีรถไฟ Daxi ซึ่งมีระยะทางเดินรวมทั้งหมดประมาณ​ 14 กม.

แต่ด้วยความที่เป็นคนเที่ยวแบบสายชิวมาก เป็นไปตามแผนก็ดีไม่เป็นไปตามแผนก็ได้ เปลี่ยนแปลงแผนได้ตลอดเวลา ไม่เร่งรีบ จะตื่นหรือจะออกจากที่พักกี่โมงก็ได้ …. วันนี้เราก็ออกสายกว่าเวลาที่ควรจะเป็นอีกแล้วจ้าาาา โดยเรายังคงเริ่มเดินจากสถานีรถไฟ Dali ไปเข้าเส้นทาง Caoling Historic Trail ซึ่งช่วงแรกจะเป็นทางเดินขึ้นบันไดขึ้นเขาไปเรื่อย ๆ เห็นวิวทั้งทะเลและภูเขา จนมาถึงทางแยก ก็ได้พบเจอและพูดคุยกับผู้คนตรงนั้นซึ่งก็มาเดินท่องเที่ยวเหมือนกัน เค้าบอกว่ามาซะป่านนี้ไม่ทันหรอกนะไปเดิน Taoyuan Valley Trail น่ะ เราเลยเปลี่ยนแผนไปเดินให้สุดเส้นทาง Caoling Historic Trail ซึ่งแม้จะไม่เห็นวิวภูเขาและทะเลแล้ว แต่ก็ได้เดินเส้นทางเก่าแก่ที่เดินผ่านบริเวณป่าที่มีต้นไม้เขียวๆมากมาย

Caoling Historic Trail เป็นเส้นทางเดินที่มีอายุกว่าสองร้อยปี โดยนอกจากจะได้พบเจอร่องรอยอารยธรรมเก่าแก่แล้ว เส้นทางเดินระหว่างสถานีรถไฟ Fulong และ Dali นั้น เราจะได้เดินผ่านทั้งบริเวณป่าที่เต็มไปด้วยต้นไม้สีเขียว วิวภูเขา ดอกหญ้า และวิวทะเลสวย ๆ อีกด้วย

ระยะทางที่เราเดินวันนี้ ตั้งแต่สถานีรถไฟ Dali เข้ามาเดินเส้นทาง Caoling Historic Trail จาก south entrance ไป north entrance จากนั้นเดินต่อไปยังสถานีรถไฟ Fulong มีระยะทางรวมทั้งหมดตามแผ่นพับคือ 8.5 กม. (แต่ลองวัดเส้นทางที่เราเดินจาก google map ได้ 11 กม.)โดยตลอดเส้นทางนี้เราไม่เจอนักท่องเที่ยวต่างชาติเลย เจอแต่คนพื้นที่และมีทุกวัยตั้งแต่เด็กไปจนถึงผู้สูงอายุ ซึ่งทุกคนที่เราเจอจะเดินสวนทางกับเรา คือมาจากทางสถานี Fulong แล้วมาจบที่ Dali

หลังจากเราเดินมาถึงสถานี Fulong แล้ว เราก็นั่งรถไฟกลับมาที่สถานี Dali เพื่อมาเอากระเป๋าที่โฮสเทล แล้วขึ้นรถไฟไป Yilan ต่อ

••••••••••••••••

วันที่ 8  :: Yilan

(1) Luodong Sports Park บริเวณ​ Dongshan River Route

Yilan เป็นเมืองที่สามารถเดินทางไปท่องเที่ยวสถานที่ที่น่าสนใจต่าง ๆ ได้มากมายหลายที่ไม่ว่าจะภูเขา น้ำตก ป่า น้ำพุร้อน ไร่ชา หรือศิลปะวัฒนธรรม แต่เนื่องจากเรามีเวลาที่นี่แค่ 1 วัน และยังคงเหนื่อยจากการเดินเมื่อวานที่เดินทั้งวันไปแล้ว เราเลยเลือกไปเที่ยวที่ใกล้ ๆ มีต้นไม้ มีธรรมชาติเขียว ๆ และเดินไม่เยอะ โดยเราเลือกไปเท่ียวบริเวณ Dongshan River Route ซึ่งมีสวนและสถานที่ให้เราได้เดินเล่นอยู่หลายแห่ง เรานั่งรถไฟจากสถานี Yilan ไป 1 สถานี ไปลงที่สถานีรถไฟ Luodong จากนั้นขึ้นรถเมล์ต่อเพื่อเที่ยวในบริเวณ Dongshan River Route .. แนะนำว่าก่อนขึ้นรถไฟจาก Yilan ให้ไปขอแผ่นพับจากที่ Visitor Center มาก่อนด้วย เพราะในนั้นจะมีตารางเวลารถอยู่

••••••••••••••••

วันที่ 8 :: Yilan

(2) Luodong Forestry Culture Garden บริเวณ​ Dongshan River Route

จากสถานีรถไฟ Luodong สามารถลงรถเมล์แวะเที่ยวได้หลายจุด โดยวันนี้เราไปที่ Luodong Sports Park (สุดสายฝั่งหนึ่ง), Luodong Forestry Culture Garden และ National Centre for Traditional Arts (สุดสายอีกฝั่งหนึ่ง) โดยเวลารอบรถที่วิ่งนั้น จะมีทั้งทุกครึ่งชั่วโมงและทุก 1.30 ชั่วโมง ขึ้นอยู่กับฝั่งที่เราเดินทางว่าจะไป/มาจากสุดสายฝั่งไหน แผ่นพับที่มีตารางเวลารอบรถจึงสำคัญมากกก

••••••••••••••••

วันที่ 8 :: Yilan

(3) National Centre for Traditional Arts บริเวณ​ Dongshan River Route

จุดแรกที่เราไปคือ Luodong Sports Park ซึ่งเราชอบสวนสาธารณะที่นี่มาก สวย กว้าง และเงียบสงบ จากนั้นก็ไปต่อที่ Luodong Forestry Culture Garden ​และนั่งไปต่อสุดสายที่ National Centre for Traditional Arts ซึ่งระหว่างเดินอยู่ที่นี่ ฝนก็เริ่มลงเม็ดปรอย ๆ แล้ว เราเลยยกเลิกการแวะไปจุดอื่น ๆ ที่ตอนแรกตั้งใจว่าจะแวะไป แล้วขึ้นรถกลับมาที่สถานีรถไฟ Luodong เพื่อกลับที่พักที่ Yilan

••••••••••••••••

วันที่ 9 :: เดินทางไป Kenting National Park

วันนี้เป็นวันของการเดินทาง โดยเราจะลงไปอุทยานแห่งชาติที่อยู่ใต้สุดของไต้หวัน คือที่ Kenting National Park เราใช้เวลาทั้งวันกับการเดินทาง เราขึ้นรถไฟที่สถานี Yilan ตอน 10.00 น.​นั่งรถไฟวิ่งเลียบชายฝั่งด้านตะวันออกของเกาะไต้หวัน วิวฝั่งขวาเป็นภูเขา วิวฝั่งซ้ายเป็นทะเล จากนั้นรถไฟวิ่งตัดมาฝั่งตะวันตก เรามาลงที่สถานีรถไฟ Fangliao แล้วขึ้นรถบัสต่อ (ซึ่งขึ้นรถบัสทีไร มักจะมีปัญหาเรื่องขึ้นผิดฝั่งทุกที ครั้งนี้ก็เช่นกันนนน ดีนะได้คุณป้าใจดีแถวนั้นช่วยบอกให้) ลงใต้มาตามชายฝั่งด้านตะวันตกจนถึงบริเวณ Kenting National Park เวลาประมาณ 17.00 น.​ รวม ๆ แล้ววันนี้เราเดินทางไป 7 ชม. ซึ่งพอมาถึง เราก็เช็คอิน และรีบซักผ้าเลย เพราะเสื้อผ้าใส่จนจะหมดแล้วจ้าาาา

ระหว่างรออบผ้าให้แห้ง เราก็ลงไปเดินหาอะไรกินซึ่งถนนด้านหน้าโฮสเทลเป็นบริเวณที่มีซุ้มรถเข็นมาตั้งขายอาหารช่วงเย็น ๆ ..​ ดีเลยไม่ต้องเดินไปไหนไกล

••••••••••••••••

วันที่ 10 :: ขี่ scooter เลียบชายฝั่งด้านตะวันออกของ Kenting

(1) Taiwan Southernmost Point

จากการคุยกับเจ้าของโฮสเทลเมื่อวานนี้ว่าเราจะเที่ยวรอบ ๆ บริเวณนี้ยังไงดี ซึ่งเค้าก็แนะนำให้ขี่สกูตเตอร์ไฟฟ้า เพราะถ้าปั่นจักรยาน มันจะมีช่วงขึ้นเนิน เราน่าจะไม่ไหว หรือไม่ก็โบกรถไปซึ่งเค้าบอกว่าโบกรถที่นี่น่ะปลอดภัยนะ แต่เราอยากไปเที่ยวแบบคล่องตัว อยากไปไหนก็ไป อยากแวะไหนก็แวะ วันนี้เราเลยเช่าสกูตเตอร์ไฟฟ้า ขี่เล่นเลียบชายฝั่งด้านตะวันออก ซึ่งวันนี้ฟ้าใสและแดดแรงมาก แต่ด้วยวิวสวย ๆ ตลอดทาง .. เรายอมดำจ้าาาา ขี่เพลินๆไปเลย คือวิวสวยมากกกก

โดยที่แรกที่เราแวะคือจุดใต้สุดของเกาะไต้หวัน (Taiwan Southernmost Point)เราจอดสกูตเตอร์ไว้แถวๆหน้าทางเข้า เดินอีก 500 เมตรก็จะถึงจุดใต้สุดของไต้หวัน

••••••••••••••••

วันที่ 10 :: ขี่ scooter เลียบชายฝั่งด้านตะวันออกของ Kenting

(2) Eluanbi Lighthouse

จากจุดใต้สุดของไต้หวัน เราขี่สกูตเตอร์ย้อนกลับมาทางเดิมไม่ไกล เพื่อมาที่ Eluanbi Park ซึ่งตอนแรกเราผ่านที่นี่ไปก่อน ยังไม่แวะ เพราะเห็นคนเยอะ
ที่นี่มีการเก็บค่าเข้า ด้านในเป็นสวนสาธารณะ มีจุดให้ชมวิวมหาสมุทร รับลมเย็น ๆ โดยแลนด์มาร์กของที่นี่คือประภาคารสีขาว Eluanbi Lighthouse

••••••••••••••••

วันที่ 10 :: ขี่ scooter เลียบชายฝั่งด้านตะวันออกของ Kenting

(3) Longpan

เราขี่เลียบชายฝั่งด้านตะวันออกไปเรื่อย ๆ ซึ่งบอกเลยว่าสวยมากกก วิวภูเขา หญ้าสีเขียวๆ มหาสมุทรสีน้ำเงิน ฟ้าใสๆ แดดแรงๆ คือขี่เพลิน อยากแวะถ่ายรูปตรงไหนก็แวะ จุดที่วิวสวยมาก ๆ นั่งดูวิวเอาหน้ารับลม (ที่แรงมาก) ได้เพลิน ๆ เลย คือที่นี่ Longpan จอดสกูตเตอร์แล้ว เดินเข้าไปนิดนึง เราก็จะเจอกับวิวสวย ๆ แบบนี้ ซึ่งที่นี่เป็นจุดที่เหมาะจะมาดูพระอาทิตย์ขึ้น หรือดูดาวในตอนกลางคืนด้วยล่ะ

จาก Longpan เราก็ไปต่อเรื่อย ๆ แวะถ่ายรูปข้างทางสวย ๆ เราขี่ไปจนสุดเส้นทางที่ Jia Le Shui ซึ่งมีหินรูปทรงต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ (มีค่าเข้าชม) ซึ่งพอเข้าไปแล้ว จะมีรถให้เรานั่งเป็นรอบ ๆ พาเราเข้าไปชมหินและวนออกมาทางเดิม พร้อมกับการบรรยายเกี่ยวกับหินรูปทรงต่าง ๆ ซึ่งแน่นอนเป็นภาษาจีนซึ่งเราฟังไม่รู้เรื่องจ้าาา

ออกจาก Jia Le Shui เราก็ขี่สกูตเตอร์กลับทางเดิม และแบตก็หมดระหว่างทาง ซึ่งที่ร้านได้ให้แบตเตอรี่สำรองและสอนวิธีการเปลี่ยนให้ พอเราเปลี่ยนเสร็จแล้ว เราก็เอารถไปคืนตั้งแต่ห้าโมงเย็นกว่า ๆ (ซึ่งจริง ๆ เราเช่าได้ถึงสามทุ่ม) คือตอนแรกก็จะขี่ไปชายฝั่งด้านตะวันตกเพื่อไปดูพระอาทิตย์ตก แต่รู้สึกว่าขี่มาทั้งวันและตากแดดจนเกรียมแล้ว เลยพอเท่านี้ดีกว่า

••••••••••••••••

วันที่ 11 :: วันจดบันทึก

วันนี้เราไม่ได้ออกไปไหนเลย เพราะตั้งใจว่าจะนั่งจดบันทึกเรื่องราวต่าง ๆ ที่ผ่านมา 10 วันให้เสร็จแล้วค่อยออกไปนู่นนี่ วันนี้เลยไปนั่งที่ดาดฟ้าโฮสเทล ซึ่งวันนี้อากาศดีมาก ฟ้าใส มีลม มีนกร้อง มีวิวภูเขาให้นั่งดู นั่ง ๆ เขียนไปก็มีเพื่อนร่วมโฮสเทลเอากีตาร์มาร้องเพลงที่ดาดฟ้าอีก เพลินๆ ไป สรุปว่านั่งเขียนทั้งวันก็ไม่สร็จซักที เลยกลายเป็นวันพักผ่อนอีกวันไปเลยวันนี้

••••••••••••••••

วันที่ 12  :: แวะเที่ยว Kaohsiung ครึ่งวัน

(1) Dragon and Tiger Pagodas

วันนี้เราเดินทางออกจาก Kenting ไปเมือง Tainan

เราออกจากโฮสเทล ไปขึ้นรถบัสเพื่อเดินทางไป Kaohsiung แวะเที่ยวที่เมืองนี้ครึ่งวัน จากนั้นค่อยเดินทางต่อไปเมือง Tainan โดยรถบัสจาก Kenting ใช้แวลาประมาณ 2 ชม.ครึ่งก็มาถึงสถานี Kaohsiung ซึ่งทีนี่เป็นจุดเชื่อมต่อทั้งรถไฟ TRA และรถไฟ MRT

เราเอากระเป๋าใส่ล็อกเกอร์ จากนั้นก็เดินทางไปสถานีรถไฟ Zuoying เพื่อไป Dragon and Tiger Pagodas ที่ Lotus Pond ซึ่งมีความเชื่อกันว่าหากเดินเข้าทางปากมังกรและออกทางปากเสือ จะนำพาโชคดีมาให้

••••••••••••••••

วันที่ 12 :: แวะเที่ยว Kaohsiung ครึ่งวัน

(2)The Pier 2 Art Center

จากนั้น เราเดินทางด้วย MRT ไปที่สถานี Yanchengpu เพื่อไปดูงานอาร์ทที่ The Pier 2 Art Center เดิมบริเวณนี้เป็น warehouse ของท่าเรือ ซึ่งต่อมาได้ปรับปรุงเปลี่ยนโฉมให้กลายเป็นพื้นที่ศิลปะให้เราได้ไปเดินเที่ยวเล่นถ่ายรูป และมีตลาดนัดงานทำมือให้เดินชอปปิ้งกัน

••••••••••••••••

วันที่ 12 :: แวะเที่ยว Kaohsiung ครึ่งวัน

(3) Dome of Light

ก่อนเดินทางกลับไปที่สถานีรถไฟ Kaohsiung เพื่อไปเอากระเป๋าและเดินทางไป Tainan ต่อ เราก็แวะลงที่สถานี Formosa Boulevard เพื่อไปดูงานศิลปะกระจกสี Dome of Light ซึ่งมีเส้นผ่าศูนย์กลางของโดม 30 เมตร เราแวะถ่ายรูปซักแป๊บ จากนั้นก็เดินทางเพื่อไป Tainan ต่อ

••••••••••••••••

วันที่ 13 :: Tainan

(1) Anping Tree House

วันนี้เราเดินเที่ยวในบริเวณ Anping Area ซึ่งจุดแรกที่เราเข้ามาดูคือ Anping Tree House ซึ่งอยู่ภายในบริเวณของ Tait & Co. Merchant House (มีค่าเข้าชมบริเวณ) โดย Anping Tree House เดิมเป็นอาคารโกดังเก็บเกลือ ส่วนปัจจุบันได้กลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวให้ได้มาชมความสวยงามของอาคารเก่าที่มีต้นไทรแผ่ขยายปกคลุมทั้งอาคา

••••••••••••••••

วันที่ 13 :: Tainan

(2) Anping Fort

ออกจาก Anping Tree house เดินมาไม่ไกล จะเจอ Anping Fort (Fort Zeelandia) ซึ่งเป็นป้อมเก่าแก่ (มีค่าเข้าชมบริเวณ) หลังจากเดิมชมในบริเวณแล้ว ก็ออกมาเดินเล่นต่อข้างนอกซึ่งมีซุ้มอาหารตั้งขายอยู่มากมายในบริเวณถนนรอบ ๆ Anping Fort และไปเดินเล่นต่อที่ Anping Old Street ซึ่งอยู่ใกล้ ๆ กับทางเข้า Anping Fort ก่อนที่จะไปรอขึ้นรถเมล์เพื่อกลับไปยังบริเวณโฮสเทล

••••••••••••••••

วันที่ 13 :: Tainan

(3) Shennong Street

ช่วงเย็น ๆ เราก็ไปเดินเล่นต่อที่ Shennong Street ซึ่งเป็นถนนเก่าแก่ที่อนุรักษ์ตึกให้มีรูปแบบและบรรยากาศดั้งเดิมไว้ โดยสองข้างทางของถนนเส้นนี้มีทั้งร้านอาหาร ร้านกาแฟ ร้านขายของ และแกลอรี่ด้วย
••••••••••••••••

วันที่ 14 :: Tainan

(1)เดินเล่นในบริเวณเมือง

วันนี้เรามีเวลาอยู่ใน Tainan อีก 1 วัน แล้วย้ายเมืองไปนอนที่ Taichung ซึ่งวันนี้เราเดินเล่นไปตามสถานที่ต่าง ๆ ในบริเวณเมือง Tainan

เราเช็คเอาท์ ฝากกระเป๋าไว้ที่โฮสเทลแล้วเริ่มออกเดินจากโฮสเทลที่อยู่ใกล้ ๆ กับ Shennong Street โดยที่แรกที่เราจะไปคือ Tainan Grand Matsu Temple ระหว่างทางซึ่งเป็นถนนเล็ก ๆ ที่เดินเข้าไปยังวัดนั้น มีรูปวาดตามกำแพงให้เราได้แวะถ่ายรูปด้วยล่ะ ซึ่งเราใช้เวลาอยู่กับกำแพงระหว่างทางมากกว่าในวัดอีก ฮ่าา

••••••••••••••••

วันที่ 14  :: Tainan

(2) Chihkan Tower (Fort Provintia)

จาก Tainan Grand Matsu Temple เดินมาประมาณ 250 เมตร ก็มาถึง Chihkan Tower (มีค่าเข้าบริเวณ) ซึ่งในปี 1653 ช่วงที่อยู่ภายใต้อาณานิคมของชาวดัตช์นั้น ได้มีการสร้างป้อม Fort Provintia ขึ้นแต่ต่อมาได้รับความเสียหายจากแผ่นดินไหว จึงได้มีการสร้างใหม่ขึ้นมาเป็น Chihkan Tower

••••••••••••••••

วันที่ 14 :: Tainan

(3) Tainan Confucius Temple

จาก Chihkan Tower เราเดินต่อตามถนน Yong Fu เพื่อไปห้างสรรพสินค้า Hayashi ซึ่งเราสามารถขึ้นไปบนดาดฟ้าชั้น 5 เพื่อชมวิวเมือง Tainan และตึก Land Bank สวย ๆ ที่อยู่ฝั่งตรงข้ามได้ จากนั้น เราเดินไปต่อที่ Tainan Confucius Temple ซึ่งเป็นวัดขงจื้อวัดแรกที่ถูกสร้างขึ้นเมื่อปี 1666 ก่อนสิ้นสุดราชวงศ์แมนจู และยังเป็นโรงเรียนแห่งแรกของไต้หวันด้วย นับว่าเป็นหนึ่งในสิ่งก่อสร้างที่เก่าแก่ที่สุดของไต้หวันเลยนะ

จาก Tainan Confucius Temple เราเดินทะลุตรอกถนน Fuzhong ซึ่งเป็นถนนที่มีคาเฟ่ ร้านอาหาร และร้านขายของน่ารัก ๆ จากนั้นเดินไป Taiwan Fu City God Temple ต่อ ซึ่งเป็สถานที่สุดท้ายของวันนี้ก่อนที่เราจะเดินกลับไปเอากระเป๋าที่โฮสเทล แล้วนั่งรถไฟไปเมือง Taichung ต่อ

••••••••••••••••

วันที่ 15 :: เดินทางขึ้นภูเขา Hehuanshan National Forest Recreation Area

Hehuanshan National Forest Recreation Area เป็นสถานที่ที่เราอยากมามากที่สุดของการเดินทางมาไต้หวันในครั้งนี้ เป็นการเดินทางเดียวที่เรายอมตื่นแต่เช้าออกจากโฮสเทล เพื่อรีบมารอคิวขึ้นรถบัส เพราะรถบัสที่ออกจากเมือง Taichung ที่ท่ารถบัสใกล้ๆกับสถานีรถไฟ Feng Yuan เพื่อขึ้นไปยัง Hehuanshan มีแค่วันละ 1 คัน และเป็นรถ shuttle bus คันเล็กที่มีเพียงไม่กี่ที่นั่ง

การจองที่พักบนเขา และการเดินทางโดยรถบัสมาที่นี่ หากไม่รู้ภาษาจีนเลย ก็จะมีความตื่นเต้นและลำบากหน่อย เพราะการจองที่พักผ่านเว็บไซต์นั้นเป็นภาษาจีนทั้งหมด และการเดินทางโดยรถบัสนั้น หาคนที่จะสอบถามข้อมูลเป็นภาษาอังกฤษได้ยากมากกก แต่ด้วยความอยากมาที่นี่ (เพราะไปเห็นรูปในอินเตอร์เนตอีกแล้ว) เรายอมมมม

เรานั่งรถบัสประมาณ 4 ชม. 30 นาที ก็มาถึงที่พักบนภูเขา ซึ่งเป็นที่พักที่สูงที่สุดในไต้หวัน วิวระหว่างทางว่าสวยแล้ว พอมาถึงมันสวยกว่าได้อีกกก แม้การมาถึงช่วงบ่าย ทำให้มีเมฆค่อนข้างเยอะแล้วก็ตาม แต่ก็ยังโชคดีที่ลมพัด เมฆไหล ฟ้าเปิดเป็นบางช่วง .. มาถึงวันแรก เราไปเดินเส้นทาง Hehuanshan Point Trail ซึ่งเป็นเส้นทางสั้นๆ ขึ้นเขาลูกเล็ก ๆ แต่เห็นยอดภูเขาสำคัญ ๆ แทบทุกยอด และเห็นวิวรอบตัว 360 องศาเลย รูปนี้เป็นวิวเมื่อเรายืนอยู่บนยอดเขา

••••••••••••••••

วันที่ 16 :: เดิน Trail ในบริเวณ Hehuanshan

(1) Mt. Shihmenshan Trai

วันนี้เราอยู่ต่อบน Hehuanshan อีกหนึ่งวัน เพราะอยากเดิน Trail ต่าง ๆ ที่อยู่ในบริเวณนี้
Trail แรกที่เราไปเดินคือ Mt. Shihmenshan Trail ซึ่งอยู่ถัดไปจาก Hehuanshan Point Trail ที่เราเดินเมื่อวาน
จากจุดเริ่มเดินถึงยอดเขามีระยะทาง 750 เมตร ยอดเขาอยู่สูงจากระดับน้ำทะเล 3,237 เมตร เส้นทางเดินไม่ค่อยชัน เดินได้เรื่อย ๆ และทำเส้นทางเดินดี วิวรอบตัวสวยมาก แนะนำว่าหากอยากมาเดินแล้วเจอฟ้าใส ๆ ให้มาตั้งแต่เช้า ๆ เลย เพราะประมาณ 10.30 น. ก็เริ่มมีเมฆแล้ว

รูปนี้ถ่ายระหว่างเส้นทางเดิน Mt. Shihmenshan Trail โดยภูเขาสองลูกนั้นคือ Hehuanshan Main Peak (ขวามือ) และ East Peak (ซ้ายมือ)

••••••••••••••••

วันที่ 16 :: เดิน Trail ในบริเวณ Hehuanshan

(2) Mt. Hehuanshan East Peak Trail

Trail ต่อมาที่เราไปเดินต่อคือ Mt. Hehuanshan East Peak Trail ซึ่งจุดเริ่มเดินอยู่หลังตึกที่พักเลย
จากจุดเริ่มเดินถึงยอดเขามีระยะทาง 1.3 กม. ยอดเขาอยู่สูงจากระดับน้ำทะเล 3,421 เมตร เส้นทางเดินทำเป็นบันไดไว้ และเป็นทางเดินขึ้นตลอดทาง คือเดินทางนี้เหนื่อยกว่า 2 trail ที่เดินไปแล้วก่อนหน้านี้เยอะเลย แต่วิวก็ยังสวยมากเช่นกัน

เส้นทางเดินทั้ง 3 trail ที่เราเดินนั้นเดินไม่ยาก ทางสั้น แต่วิวสวยมาก ทำทางเดินไว้ให้ดี มีทุกวัยมาเดินเลย ตั้งแต่เด็กน้อย ถึงผู้สูงอายุ และนอกจาก 3 Trail นี้แล้ว ในบริเวณ Hehuanshan National Forest Recreation Area ยังมีอีก 2 trail คือ Hehuanshan Main Peak Trail (สูงจากระดับน้ำทะเล 3,417 เมตร) และ Hehuanshan North Peak Trail (สูงจากระดับน้ำทะเล 3,422 เมตร) แต่จุดเริ่มเดินนั้นอยู่ไกลจากที่พักเรา เราจึงไม่ได้ไปเดิน

••••••••••••••••

วันที่ 17 :: ลงจากภูเขา กลับเข้าเมือง Taichung

วันนี้รีบตื่นแต่เช้า เพราะรถบัสกลับเข้า Taichung มีอยู่แค่คันเดียว คือถ้าไปขึ้นไม่ทันนี่มีทางเดียวคือต้องโบกรถลงเขากลับเข้าเมือง แต่ระหว่างรอรถบัสอยู่ก็มีคนไต้หวันจอดรถชวนเราติดรถกลับเข้าเมือง Taichung ด้วย เราเลยถึงโรงแรมก่อนเวลาที่กะไว้ มีเวลาเหลืออีกครึ่งวัน เราเลยขึ้นรถบัสไปเดินเที่ยวที่ Rainbow Village ซึ่งมีรูปวาดสีสันสดใสบนผนังบ้าน กำแพงและบนพื้น แม้จะมีพื้นที่ไม่กว้าง เดินไม่นานก็ทั่วบริเวณแล้ว แต่ก็มีมุมให้เราได้ถ่ายรูปเพลิน ๆ หลายมุมอยู่ หากจะมาที่นี่ด้วยรถบัส บอกเลยว่ารอรถบัสนานมากกก ทั้งขาไปและขากลับ

••••••••••••••••

วันที่ 18 :: (1) ปั่นจักรยานในเมือง Taichung

วันนี้ไม่มีแผนอะไร กะว่าจะเดินเที่ยวในเมืองไปเรื่อย ๆ เพื่อนคนไต้หวันซึ่งเพิ่งรู้จักกันเมื่อคืนที่โฮสเทลเลยชวนปั่นจักรยาน you bike แทนการเดิน คือเราก็ปั่นตามอย่างเดียว ไม่ต้องคิดอะไรเลย ท่องเอาไว้แค่ชิดขวานะ ชิดขวา แล้วมากับคนไต้หวันก็จะดีหน่อยตรงที่ได้กิน local food ซึ่งปกติจะกินลำบากเพราะคุยกับคนขายไม่รู้เรื่อง

เช่าจักรยาน you bike ที่นี่คือสะดวก มีจุดเช่าหลายจุด เช่าจากจุดนึงแล้วคืนอีกจุดนึงก็ได้ แต่ละจุดเข้าไปดูในเว็บ https://taipei.youbike.com.tw/home/ ได้ว่าอยู่ตรงไหนบ้างและมีจักรยานเหลืออยู่ไม๊ การเช่าก็ใช้ easy card แตะที่เครื่อง เอาจักรยานไปปั่น ปั่นเสร็จเอามาเสียบที่เครื่อง แล้วแตะ easy card ก็จะหักเงินเราตามระยะเวลาที่เราเช่าไป แต่ถ้าจะใช้ easy card ต้องลงทะเบียนก่อนนะ (ต้องมีเบอร์โทรไต้หวันด้วย) ถ้าไม่ลงทะเบียนเพราะไม่มีเบอร์ ก็ใช้บัตรเครดิตได้

วันนี้จุดหมายหลักที่ปั่นไปคือ บริเวณรอบ ๆ ถนน Zhongxing 1st lane ซึ่งก็จะมีร้านน่ารักๆ ให้แวะถ่ายรูปเล่น เราจอดจักรยานและเดินถ่ายรูปบริเวณรอบ ๆ จากนั้นก็ปั่นตามเพื่อนไต้หวันเล่นไปรอบ ๆ เมืองได้ซักครึ่งวัน แล้วเราก็เอาจักรยานไปคืน เพื่อไปจุดต่อไป ซึ่งก็เพื่อนไต้หวันนี่ล่ะที่แนะนำสถานที่นี้ให้รู้จัก

••••••••••••••••

วันที่ 18 :: (2) Fan Shaped Train Garage ที่ Changhua

หลังจากคืนจักรยานแล้ว เราก็ขึ้นรถไฟมาที่สถานี Changhua และเดินอีกประมาณ 10 นาที มาที่ Fan shaped train garage ซึ่งเป็นที่สุดท้ายในไต้หวันที่มีรางรถไฟรางเดียวแบบหมุนได้ โดยเชื่อมต่อรางรถไฟกับโรงเก็บรถไฟ 12 ขบวน

หลังจากเดินเที่ยวที่นี่เสร็จ เราก็แยกยัายกับเพื่อนไต้หวัน เรากลับไปที่โรงแรมค้างที่นี่อีกหนึ่งคืน ก่อนจะเดินทางย้ายที่พักครั้งสุดท้าย .. พรุ่งนี้เราจะกลับเข้าไทเปแล้ว

••••••••••••••••

วันที่ 19 :: เดินทางกลับ Taipei

วันนี้เป็นวันที่เราเดินทางย้ายที่พักครั้งสุดท้าย เป็นวันสุดท้ายที่เราต้องแบกกระเป๋าหนัก 18 กก. เดินทางย้ายเมือง กลับไปยังเมืองแรกที่เรามาถึงสำหรับการเดินทางครั้งนี้.. ไทเป .. ก่อนที่จะต้องแบกขึ้นหลังอีกทีก็คือตอนกลับไทยเลย

เป็นวันที่เราเดินทางครบรอบเป็นวงกลมรอบเกาะไต้หวัน

เหมือนทุก ๆ วันคือกว่าเราจะออกจากที่พักก็สายแล้ว และเพราะเป็นแบบนี้การมาเที่ยวไต้หวันครั้งนี้เราจึงไม่ได้ซื้อตั๋วรถไฟล่วงหน้าเลย เราเดินไปซื้อก่อนจะขึ้นรถไฟทุกครั้ง ซึ่งรถไฟรอบที่เราจะไปไทเปที่นั่งเต็ม เพราะเป็นช่วงเทศกาลวันหยุดยาวของไต้หวัน เราเลยต้องนั่งรอรถไฟขบวนหลัง ๆ ที่มีที่นั่งว่าง ทำให้กว่าเราจะเดินทางมาถึงที่พักในไทเปก็บ่าย 3 โมงแล้ว พอมาถึงเราก็เข้าที่พัก และมัวแต่ประทับใจกับความชิว ความสบาย และความสะอาดของห้องนั่งเล่นโฮสเทล เลยมัวแต่นั่งถ่ายรูปเล่นจนเย็น หมดไปอีกวันสำหรับวันนี้ ถือเป็นวันเดินทางและพักผ่อนไปละกัน

••••••••••••••••

วันที่ 20 :: (1) Laomei Green Reef

อีก 3 วันที่เหลือในไทเป เราไม่ได้วางแผนเอาไว้เลยว่าเราจะไปไหนบ้าง ก็นั่งหาข้อมูลไปไม่คืนก่อนหน้าก็ตอนเช้าของวันนั้นเลย
วันนี้เราจะไปทางเหนือของไต้หวัน คือที่ Lao Mei Green Reef และ Fu Gui Cape Lighthouse
เริ่มเดินทางโดย MRT สายสีแดงมาลงสุดสายที่ Tamsui แล้วต่อรถบัสไปที่ Laomei Green Reef ซึ่งมีแนวชายฝั่งโขดหินลาวาที่ในทุก ๆ ปี ช่วงเม.ย. ถึง พ.ค. จะถูกปกคลุมไปด้วยสาหร่ายสีเขียว

••••••••••••••••

วันที่ 20 :: (2) Fugui Cape Lighthouse

จาก Laomei Beach เราเดินอีกประมาณ 1 กม. เพื่อมาที่ Fugui Cape Lighthouse ซึ่งเป็นจุดที่แสดงตำแหน่งเหนือสุดของเกาะไต้หวัน และสิ่งที่ทำให้ประภาคารที่นี่แตกต่างจากประภาคารทั่วไปคือ Fuguei Cape Lighthouse มีสีขาวและดำเพื่อให้เห็นได้ชัดขึ้นเมื่อมีหมอก และเพื่อให้ชาวประมงที่ล่องเรืออยู่ในทะเลสังเกตได้ง่า

จากนั้น เราก็นั่งรถบัสกลับมาที่สถานีรถไฟ Tamsui ซึ่งหลังสถานี มีสวนสาธารณะให้นั่งเล่น พักผ่อน และด้านข้างสถานีก็มี old street ให้เดินเล่นหาอะไรทานก่อนกลับเข้าไปที่ไทเปด้วยนะ

••••••••••••••••

วันที่ 21 :: Sanxia

(1) Qingshui Zushi Temple

วันนี้เรานั่งรถไฟ และต่อรถเมล์ เพื่อมาเดินเที่ยวในบริเวณ Sanxia ซึ่งอยู่ใน New Taipei City โดยที่แรกคือ Qingshui Zushi Temple ซึ่งแม้จะเป็นวัดที่มีบริเวณไม่กว้าง แต่เป็นวัดที่เราใช้เวลาเดินชมและถ่ายรูปในวัดนานกว่าวัดอื่น ๆ ด้วยรายละเอียดต่าง ๆ ของงานแกะสลักหินที่มีอยู่ทั่วทั้งวัด ไม่ว่าจะเสา กำแพง หรือเพดาน คือมันสวยและให้รายละเอียดที่เรารู้สึกว่ามันไม่เหมือนกับวัดอื่น ๆ ในไต้หวันที่เราได้ไปมา

••••••••••••••••

วันที่ 21 :: Sanxia

(2) Sanxia old street

ออกจาก Qingshui Zushi Temple เดินเส้นทางข้างๆ วัดไปทางด้านหลังวัด จะเจอกับถนนโบราณ Sanxia old street ที่มีความยาว 260 เมตร ตึกสองข้างทางสร้างด้วยอิฐสีแดงและมีร้านค้าอยู่ตลอดทาง เห็นเค้าบอกกันว่าวันหยุดคนจะเยอะมาก เราจึงเลือกมาวันธรรมดาเพราะเราไม่ชอบคนเยอะ ซึ่งก็แทบไม่มีคนมาเดินเลยล่ะ แต่ร้านส่วนใหญ่ก็ไม่เปิดเช่นกัน หากอยากจะมาแบบได้บรรยากาศครึกครื้น ร้านเปิดครบทุกร้าน และมีคนเยอะๆ แนะนำให้มาวันหยุดนะ

เราใช้เวลาอยู่ที่นี่ไม่นาน เพราะส่วนใหญ่ร้านปิด เดินจนสุดถนนแล้ว เราก็กลับเข้าไทเปเพื่อไปเดินเล่นในเมืองไทเปต่อ

••••••••••••••••

วันที่ 22 :: เดินเขาส่งท้ายที่ Guanyinshan

วันนี้เป็นวันสุดท้ายที่เราจะได้เที่ยวเต็มวัน ซึ่งเราก็ไม่ได้เข้าสู่ธรรมชาติ ไม่ได้ไปภูเขามาหลายวันแล้วระหว่างนั่งกินข้าวเช้าจึงลองหาสถานที่เดินชมวิวต้นไม้ วิวภูเขา ที่ไม่ไกลมากจากตัวเมือง จนมาเจอที่นี่ Guanyinshan ซึ่งเดินทางจากไทเปไปเพียงชั่วโมงกว่า ๆ ที่นี่มีเส้นทาง Trail ให้เดิน 6 เส้นทาง ความยากง่ายหลายระดับ ตั้งแต่เส้นทางที่เดินสบาย ๆ ทางเรียบชมธรรมชาติ เส้นทางเดินทางชันขึ้นเขาแต่ทำทางเดินเป็นบันไดดีๆ ไว้ให้ หรือจะระดับยากที่เป็นเส้นทางทางเดินแบบเข้าป่าจริง ๆ เป็นดินเป็นหิน และมีดึงเชือกปีนหินชัน ๆ ก็มี

เราเลือกเดินเส้นทาง Yinghanling Hiking Trail ซึ่งเป็นทางบันไดเดินขึ้นเขา ซึ่งด้านบนเราจะเห็นวิวรอบตัวกว้างไกล หากฟ้าใส เราจะได้เห็นยอดภูเขา Qixing ที่ Yangmingshan National Park ที่เราไปเดินมาวันแรก ๆ ด้วย

มาเดินที่นี่ก็เหมือนกับที่ Caoling Historic Trail เลย คือเราไม่เจอนักท่องเที่ยวต่างชาติเลย เจอแต่คนไต้หวันที่มาเดินซึ่งมีทั้งวัยรุ่นและผู้สูงอายุ

••••••••••••••••

วันที่ 23 :: Goodbye Taiwan

3 ปีที่แล้ว ….วันนี้เป็นวันแรก ที่เราได้มาไต้หวัน

ปีนี้ … วันนี้เป็นวันที่เราจากไต้หวัน หลังจากอยู่ที่นี่มา 23 วัน

มาไต้หวันครั้งแรกเมื่อ 3 ปีที่แล้ว เราอยู่ที่ไต้หวัน 8 วัน และเรากลับไทยมาด้วยความประทับใจ ทั้งผู้คน และ ธรรมชาติ ของที่นี่ แต่ก็ยังไม่มีความคิดว่าจะกลับไปอีก เพราะคิดเสมอว่าถ้ามีโอกาส ก็อยากไปเที่ยวประเทศอื่นที่ไม่เคยไป ไปเห็นอะไรใหม่ๆ

แต่แล้วเราก็กลับมาอีกครั้ง มาครั้งนี้ เราก็ยังคงพบเจอธรรมชาติสวยงาม ผู้คนหลาย ๆ คนที่หยิบยื่นมิตรภาพ น้ำใจ รอยยิ้ม และให้ความช่วยเหลือ และสิ่งที่พบเพิ่มเติม คือความรู้สึกสบายใจเมื่อใช้เวลาที่นี่

แล้ววันนี้ก็ครบ 23 วัน ที่เราต้องจากไต้หวัน เพื่อกลับบ้าน

วันนี้เมื่อ 3 ปีที่แล้ว .. มาถึงที่นี่ด้วยความไม่รู้ว่าที่นี่เป็นยังไง

ปีนี้ .. วันนี้ .. กำลังจะจากที่นี่ไป ด้วยความที่รู้จักไต้หวันเพิ่มมากขึ้น ผ่านประสบการณ์ต่าง ๆ ที่ได้พบเจอ

ครั้งนี้ กลับไปด้วยความรู้สึกต่างจากครั้งก่อน .. เราคงจะกลับมาที่นี่อีกแน่นอน

••••••••••••••••

ข้อมูล การเดินทาง เรื่องราว และรูปภาพแบบลงรายละเอียดของแต่ละสถานที่ จะค่อย ๆ ทยอยตามมานะคะ ^__^

 

 

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *