นอนลานสน ชมดอกหงอนนาค ที่ภูสอยดาว

ภูสอยดาว

ภูสอยดาว เป็นเส้นทางเดินท่องเที่ยวเข้าป่าขึ้นเขาที่อยู่ในแผนการเที่ยวช่วงหน้าฝนของใครหลาย ๆ คน ที่ต้องการมาใกล้ชิดธรรมชาติ เดินขึ้นเขาท่ามกลางป่าไม้เขียว ๆ พักผ่อน นอนดูดาวเต็มท้องฟ้าที่จุดกางเต็นท์ตรงลานสนสามใบ และที่เป็นไฮไลท์ของสถานที่นี้เลยคือ ทุ่งดอกหงอนนาคที่ออกดอกกันเต็มลานสนในช่วงเดือนสิงหาคมถึงกันยายน และในช่วงหมดฝนไปแล้ว ก็ยังมีการเปิดเส้นทางให้ได้เดินพิชิตยอดภูสอยดาว 2102 ที่สูงเป็นอันดับ 4 ของไทยด้วยนะ

มาดูข้อมูลแบบสรุปๆ กันเลยดีกว่า

อุทยานแห่งชาติภูสอยดาว มีพื้นที่ครอบคลุม จังหวัดอุตรดิตถ์และจังหวัดพิษณุโลก โดยปกติจะเปิดเส้นทางเดินไปจนถึงลานสนตั้งแต่ 1 ก.ค. ถึง 15 ม.ค. ให้เราได้ไปเดินชมธรรมชาติ ป่า และทุ่งดอกหงอนนาคสวย ๆ กัน

ระยะทางจากจุดเริ่มเดินถึงลานสน 6.5 กม. ต้องเดินผ่านทั้งหมด 5 เนิน คือ เนินส่งญาติ เนินปราบเซียน เนินป่าก่อ เนินเสือโคร่ง และเนินมรณะ ทางเดินส่วนใหญ่เป็นทางชัน เดินขึ้นยาว ๆ
จากลานกางเต็นท์ตรงลานสน สามารถเดินเที่ยวไป น้ำตกสายทิพย์ หลักแบ่งเขตไทย-ลาว และ จุดชมพระอาทิตย์ตก และถ้ามาช่วง ส.ค. – ก.ย. จะมีทุ่งดอกหงอนนาคบานเต็มลานสน ซึ่งช่วงที่เราไปนั้น เป็นช่วงกลางเดือน ต.ค. ซึ่งมาไม่ทันทุ่งดอกหงอนหนาคแล้ว แต่ก็ยังพอมีดอกให้ได้พอเห็นบ้าง
ช่วงหมดฝน จะเปิดเส้นทางให้ได้เดินพิชิตยอดภูสอยดาว 2102 ที่สูงเป็นอันดับ 4 ของไทย ซึ่งตอนที่เราไปยังไม่เปิดเพราะยังเป็นช่วงฝนตกอยู่ มักจะเปิดให้ขึ้นช่วง พ.ย. – ม.ค. เริ่มเดินจากลานสน ระยะทางประมาณ 2 กม. และกลับลงมานอนที่ลานสน

ติดตามข้อมูลเพิ่มเติม ติดตามการบานของดอกหงอนนาค และการเปิดให้ขึ้นยอดภู ได้ที่เฟสบุค อุทยานแห่งชาติภูสอยดาว – Phusoidao ได้เลยค่ะ

มาดูภาพบรรยากาศการเดินไปยังลานสน และรอบ ๆ ลานสนกันเลยดีกว่าค่ะ

*******

เดินทางมาถึงอุทยานแห่งชาติภูสอยดาว จ. อุตรดิตถ์ แล้ว ก็มาติดต่อเจ้าหน้าที่อุทยาน ชำระค่าเข้า ค่ามัดจำขยะ ค่าเต็นท์ และค่าลูกหาบขาขึ้น (ค่าเช่าของและค่าลูกหาบขาลง ให้มาจ่ายหลังจากกลับลงมาแล้ว) เมื่อจัดการทุกอย่างเสร็จ ทางอุทยานจะมีรถไปส่งที่จุดเริ่มเดินค่ะ โดยหากเอารถส่วนตัวมา ก็ให้จอดรถไว้ตรงที่ทำการอุทยานตรงนี้ค่ะ

เมื่อนั่งรถมาถึงจุดเริ่มเดินแล้ว เราก็เอาหลักฐานการชำระเงินทุกอย่างให้เจ้าหน้าที่ที่ประจำอยู่ตรงนี้ดู แล้วเริ่มเดินกันเลยค่ะ

จากจุดเริ่มเดินไปถึงจุดพักแรมที่ลานสน เราต้องเดินกันเป็นระยะทาง 6.5 กม. ผ่านเส้นทางธรรมชาติ ป่าไม้สีเขียว และเนินชัน ๆ อีก 5 เนิน

เนินแรก — เนินส่งญาติ ระดับความสูง 650 เมตร

ใช้พลังกับเนินแรกไปแล้ว ก็มานั่งพักกันซักหน่อย

แรงเริ่มกลับมา .. ก็มาเดินต่อกันเลย

เนินที่สอง — เนินปราบเซียน ระดับความสูง 780 เมตร

มีป้ายบอกระยะทาง เรื่อย ๆ .. พอเห็นแล้วก็จะรู้สึกว่า เฮ้ยยย เพิ่งเดินมาได้แค่นี้เองเหรอเนี่ยยย

ขึ้นเนินกันต่อ ยาวๆไป

แต่ก็ยังมีช่วงทางราบ ให้ได้เดินพักขากันบ้างนะ

แต่ไม่นาน เราก็จะเจอเนินต่อไป เนินที่สาม — เนินป่าก่อ ระดับความสูง 850 เมตร ซึ่งเนินนี้จะไม่ชันมาก

ระหว่างทางเงยหน้าไป ก็มีวิวสวยๆ ให้เห็น

เนินที่สี่ — เนินเสือโคร่ง ระดับความสูง 1,150 เมตร

ใกล้ถึงแล้ว .. แต่เหลืออีกเนินที่เราต้องผ่าน เนินสุดท้าย เนินมรณะ ซึ่งเป็นช่วงเนินที่ชันที่สุดของเส้นทางการเดินนี้

เนินที่ห้า — เนินมรณะ ระดับความสูง 1,410 เมตร

ช่วงที่เราเดินขึ้น เมฆครึ้ม ฝนตกปรอยๆเป็นบางช่วง บรรยากาศก็จะเทาๆหน่อย

ช่วงสุดท้ายของเส้นทางเดินไปลานสน จะเห็นวิวภูเขาสวย ๆ กว้าง ๆ .. คือดี

ในที่สุดเราก็มาถึง ลานสนสามใบภูสอยดาว ระดับความสูง 1,633 เมตร จากระดับน้ำทะเล

ที่ภูสอยดาว เราก็จะพักแรมกันที่ลานสนสามใบนี่ล่ะ

มาถึงแล้ว ให้มาติดต่อที่ศูนย์บริการนักท่องเที่ยว ทั้งเต๊นท์ที่เช่าไว้ และของที่ให้ลูกหาบแบกขึ้นมา รวมทั้งการเช่าสิ่งของต่าง ๆ เช่น เตาถ่าน หม้อ ถังน้ำ ขันน้ำ และซื้อถ่าน

จากลานกางเต๊นท์ตรงลานสน สามารถเดินเที่ยวไป น้ำตกสายทิพย์ หลักแบ่งเขตไทย-ลาว และ จุดชมพระอาทิตย์ตก

และถ้ามาช่วง ส.ค. – ก.ย. จะมีทุ่งดอกหงอนนาคบานเต็มลานสน ซึ่งช่วงที่เราไปนั้น เป็นช่วงกลางเดือน ต.ค. ซึ่งมาไม่ทันทุ่งดอกหงอนหนาคแล้ว แต่ก็ยังพอมีดอกให้ได้พอเห็นบ้าง

หลังจากหมดฝนไปแล้ว จะเปิดเส้นทางให้ได้เดินพิชิตยอดภูสอยดาว 2102 ที่สูงเป็นอันดับ 4 ของไทย ซึ่งตอนที่เราไปยังไม่เปิดเพราะยังเป็นช่วงฝนตกอยู่ มักจะเปิดให้ขึ้นช่วงปลาย พ.ย. – ม.ค. เริ่มเดินจากลานสน ระยะทางประมาณ 2 กม. และกลับลงมานอนที่ลานสน

มาครั้งนี้ เราใช้เวลา 3 วัน คือวันแรกเดินขึ้น วันที่สองเดินเล่น นั่งพักผ่อนอยู่บนลานสน ตอนเย็นดูพระอาทิตย์ตก และวันที่สามเดินลง

วันที่เดินลง ก็ยังมีเมฆ ฟ้าขาวๆ เทาๆ เหมือนเดิม แต่การมาช่วงยังไม่หมดฝน ก็ทำให้เรามาเจอบรรยากาศป่าฉ่ำๆ เขียวๆ ซึ่งทำให้เรารู้สึกสดชื่นนนน ตลอดการเดินขึ้นลง