Part 2 … Tung Prong Thong
ทริปนี้ ที่ตั้งใจเลยคือจะไปทุ่งโปรงทอง แรกๆ ก็ยังไม่รู้จักหรอกว่าที่นี่มีอะไร อยู่ที่ไหน จนเห็นรูปที่เค้าไปเที่ยวแล้วมาโพสกัน แว๊บแรกที่เห็นคือ…. เฮ้ย มันสวยอ่า เป็นทุ่งโปรงสีเขียว ที่พอโดนแดดก็จะดูเป็นสีออกทอง แล้วมีสะพานไม้ยาว ๆ ทอดไปเป็นเส้นตรง … ตอนนั้นคิดเลย …ชั้นต้องไปถ่ายรูปตรงนี้ให้ได้ .. ยิ่งไปเห็นคลิปทุ่งโปรทองของ “เขาเล่าว่า” (แคมเปญของ ททท.) ก็ยิ่งอยากจะไปมากกกกเข้าไปอีก … เลยเริ่มหาข้อมูล ก็ไปเจอว่าส่วนใหญ่ที่ไปเที่ยวทุ่งโปรงทองกัน จะแวะเที่ยวอุทยานแห่งชาติเขาแหลมหญ้าด้วย .. งั้นทริปนี้ เราก็ไปทั้ง 2 ที่เลยละกัน
วันที่เดินทาง
- 13 – 14 ก.พ. 2559
- ออกจาก กทม. วันเสาร์ ไปอุทยานแห่งชาติเขาแหลมหญ้า รอดูพระอาทิตย์ตก จากนั้นหาข้าวกินแถวนั้น แล้วขับรถไปนอนแถวทุ่งโปรงทอง
- ตื่นมาเช้าวันอาทิตย์ ออกไปเที่ยวทุ่งโปรงทอง เดินสะพานศึกษาธรรมชาติ จากนั้น ทานข้าว แล้วค่อยขับรถกลับ กทม.
- แผนการเที่ยวนี้ยุบรวมเป็นวันเดียวได้ โดยออกจาก กทม. ตั้งแต่เช้ามืดเลย ไปเที่ยวทุ่งโปรงทองก่อน จากนั้น ก็มาเที่ยวอุทยานแห่งชาติเขาแหลมหญ้าต่อ รอดูพระอาทิตย์ตก แล้วขับรถกลับ กทม.
การเดินทาง
- เราใช้เส้นทาง motorway >> ชลบุรี-พัทยา >> เลี้ยวซ้ายเข้าเส้นทางหลวงหมายเลข 36 >> เดินทางต่อไปจังหวัดระยอง >> เข้า ถ. สุขุมวิท (ทางหลวงหมายเลข 3) >> ไปตามป้ายเกาะเสม็ด พอถึงทางแยกที่มีป้ายให้เลี้ยวขวาออกจาก ถ.สุขุมวิท เพื่อไปท่าเรือเดินทางไปเกาะเสม็ด เลี้ยวขวาไปเลยค่ะ ขับไปเรื่อย ๆ จะเจอป้ายบอกทางไปอุทยานแห่งชาติเขาแหลมหญ้า
- ระยะทางจาก กทม. ประมาณ 220 กม. google map บอกเราว่าเดินทางประมาณ 3 ชม. แต่ขับจริงๆ 3 ชม. 40 นาที
- ออกจากอุทยาน ให้ขับเพื่อเข้า ถ.สุขุมวิท วิ่งตรงไปทาง แกลง-จันทบุรี เพื่อไป อ. แกลง พอถึงทางแยกปากน้ำประแส (ห่างจากแยกแกลงประมาณ 12 กิโลเมตร) ให้เลี้ยวขวาไปตามป้ายบอกทางปากน้ำประแส ขับตรงไปตามทางเรื่อย ๆ พอถึงโค้งตรงวัดตะเคียนงาม จะเจอป้ายบอกทางให้เลี้ยวซ้ายเพื่อเข้าทุ่งโปรงทอง จากนั้นไปตามป้ายเลย (รือถ้าจะเข้าจากทางเรือรบหลวง ให้ขับเลยไป ไปตามป้ายเรื่อยๆ)
- ระยะทางจากเขาแหลมหญ้า 60 กม. ขับรถประมาณ 1 ชม.
ทุ่งโปรงทอง
หลังจากวันแรกที่เราถึงระยอง ไปเที่ยวเขาแหลมหญ้าแล้ว เราก็ขับรถต่อมาที่ปากน้ำประแส เพื่อไปนอนที่ homestay แถวทุ่งโปรงทอง ที่เลือกไปนอนแถวนั้น เพื่อจะได้ออกไปเที่ยวทุ่งโปรงทองตั้งแต่ตอนเช้า ๆ เลย (ไม่อยากไปสาย กลัวอากาศร้อน) คือเรามั่นใจว่าถ้าให้เรานอนที่อื่นแล้วตื่นเช้ามาก ๆ เพื่อให้ไปถึงทุ่งโปรงทองก่อนตอนสาย ๆ คงเป็นไปได้ยากกกก 555+
ที่พักเราเป็น homestay ของพี่ชาวบ้านแถวนั้น เราออกจากเขาแหลมหญ้าตอนทุ่มกว่า แล้วแวะทานข้าวอีก กว่าไปถึงที่พักก็ 3 ทุ่ม คือเกรงใจพี่เจ้าของบ้าน homestay ที่ไปพักมากเพราะต้องมารอเรา .. ซึ่งเป็นแขกกลุ่มเดียวที่มาพักในวันนั้น
บ้านที่เราพัก เป็น homestay ในกลุ่มท่องเที่ยวประแสโฮมสเตย์ที่มีหลาย homestay ให้เลือกพัก ไปดูได้ตามนี้เลยค่ะ ประแสโฮมสเตย์
บ้านที่เราพักค่ะ (ถ่ายตอนเช้าวันถัดไป)
เดินขึ้นมาที่ชั้น 2 เป็นห้องโถงใหญ่ ที่กว้างมากกกกก
เรานอนในห้องเล็ก ที่ชั้น 2 ในห้องนอนได้ประมาณ 10 คน แต่คืนนั้นนอนกันแค่ 2 คน … กลิ้งไปมาสนุกเลย ฮ่าๆๆ
ราคาที่พัก ปกติคืนละ 400 บาทต่อคน รวมอาหารเช้า แต่วันที่เราไป พี่เจ้าของบ้านคิด 350 บาท เพราะจะไม่เตรียมอาหารเช้าให้ แต่จะให้ขี่มอเตอร์ไซค์ของที่บ้านไปหาอะไรทานในชุมชน จะได้เป็นการกระจายรายได้ให้แก่ร้านค้าในชุมชน
ตื่นเช้ามา ก็ไปทุ่งโปรงทองเลย เพราะกลัวจะร้อน .. พี่เจ้าของบ้านขี่มอเตอร์ไซค์พ่วงข้างไปส่งที่จุดเริ่มเดินเข้าทุ่งโปรงทอง ขี่ไป 3 นาทีก็ถึงละ
ทุ่งโปรงทอง อยู่ในเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติป่าชายเลน ในพื้นที่ปากน้ำประแส ทางเดินเป็นสะพานไม้ เริ่มจุดหนึ่งแล้วไปจบอีกที่จุดหนึ่ง (ทางเดินไม่ได้เดินเป็นวงกลม) เลือกจุดเริ่มเดินได้ 2 ทางคือจากอนุสรณ์เรือหลวงประแส หรือจะเริ่มเดินจากทางท่าเรือแสมผู้ก็ได้ ระยะทางทั้งหมด 2.69 กม.
ถ้าอยากมาดูแค่ทุ่งโปรงทอง ให้เดินจากทางท่าเรือ (เริ่มที่ปลายทาง) เพราะเดินเข้ามาแค่ 100 เมตร ก็ถึงทุ่งโปรงทองแล้ว แต่ทางเข้าฝั่งนี้แทบไม่มีที่จอดรถ ต้องเอารถไปฝากจอด 20 บาท แล้วนั่งสามล้อเข้ามาประมาณ 5 บาท ถ้าขับรถมาจากทางถนนใหญ่ ให้เขาซอยตรงวัดตะเคียนงาม จะมีป้ายบอกทางว่าไปทุ่งโปรงทอง …. ถ้าเริ่มเดินจากเรือ ทุ่งจะอยู่สุดทาง แต่ไหนๆ มาถึงนี่แล้ว เดินท้ังเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติเลยก็ดีนะ
ขออภัย .. ถ่ายรูปได้เบี้ยวมากกก
เราเริ่มเดินจากทางท่าเรือ (ทางทีใกล้ทุ่งโปรงทอง)
มาถึงแล้วก็เริ่มเดินกันเลยดีกว่า เรามาถึง 8.15 น. ก็รู้สึกได้ถึงอากาศร้อนแล้วววว
ทางเดินจะเป็นสะพานไม้ .. เดินเล่น ศึกษาธรรมชาติป่าโกงกางสองข้างทางได้เพลินๆ ไปเรื่อย ๆ
เดินมา 100 เมตร พอทะลุโผล่ออกมาจากร่มเงาของต้นไม้ ก็จะพบทุ่งของต้นโปรง ที่สะท้อนแสงแดดสวยงาม จนเรียกกันว่าทุ่งโปรงทอง ที่ยาวววว ไปสุดสุดลูกหูลูกตา (เวอร์ไม๊ ฮ่าๆๆ แต่ทุ่งใหญ่ จริงๆนะ)
มีจุดชมวิวกลางทุ่งต้นโปรง ดูวิวได้รอบตัวเลย แต่อยากบอกว่าร้อนมากกก เพราะเป็นลานโล่ง ๆ ไม่มีอะไรบังแดด เราเดินไปถึงตอน 8.20 น. แดดก็แรงแล้ว
ทางที่เราเดินทะลุออกมา
ทางที่เราจะเดินไปต่อ
แม้แดดจะร้อน แต่เราก็อยู่ตรงนี้นานพอสมควร .. คือมาถึงที่นี่แล้ว ขออยู่ซึมซับความสวยงามก่อนละกัน
มุมมหาชน ใครมาก็ต้องมายืน มานั่ง ถ่ายตรงมุมนี้ … ขอถ่ายบ้าง เดี๋ยวเค้าจะบอกว่าเรามาไม่ถึง ฮ่าๆ
พอเริ่มทนไม่ไหวกับความรุนแรงของแสงแดด ความร้อนที่ทำให้หน้าและเสื้อเราเปียกไปด้วยเหงื่อ และกลุ่มวัยรุ่นที่เพิ่งมาถึงตรงทุ่งกันเป็นกลุ่มใหญ่ .. ก็ได้เวลาที่ควรจะต้องเดินกันต่อละล่ะ
มาเดินศึกษาธรรมชาติกันต่อค่ะ แต่เราจะหนักไปทางถ่ายรูปซะมากกว่า ไม่ค่อยได้ศึกษาเท่าไหร่
(- – “)
สะพานบางช่วงจะเป็นช่อง เป็นรู เวลาเดินต้องระมัดระวัง อย่ามัวแต่ถ่ายรูปเพลินนะ (อันนี้เตือนตัวเราเอง 55+)
เดินไปเรื่อย ๆ จะถึงศาลาให้นั่งพักชมวิวทะเล ทางช่วงหลังๆ จะมีวิวทะเลให้ดูตลอดทาง
ระหว่างทางจะเจอต้นไม้ไหญ่ คือลำต้นไม่ใหญ่ แต่แผ่กิ่งก้านได้กว้างงงงมากกก สวยงามอลังการ
เส้นทางเดินพอใกล้ ๆ จะถึงทางเข้าฝั่งเรือรบหลวง … ข้างหนึ่งของทางเดินจะเป็นวิวต้นไม้ อีกข้างจะเป็นวิวทะเล .. สวยดีค่ะ ^_^
ต้นกล้ารุ่นใหม่ ที่จะเติบโตกันต่อไป
ทางเดินหลังจากทะลุทางเดินในร่มเงาต้นไม้ มาเป็นทางเดินเลียบทะเล …. ทางเดินช่วงนี้จนสุดเส้นทางเดินจะร้อนมาก ถ้ามีร่มให้กางร่มเลยค่ะ เพราะไม่มีร่มเงาต้นไม้ที่จะช่วยบังแดดให้เลย
พอเดินสุดเส้นทางเดินแล้ว .. จะเห็นเรืออยู่ห่างออกไปนิดนึง ถ้ายังพอจะเดินตากแดดไหว เดินมาแวะชมแวะถ่ายรูปเรือกันซักนิดก่อนจะกลับด้วยนะ
และถ้าเริ่มรู้สึกหิวแล้ว …. เดินต่อมาอีกนิดตรงชายทะเล จะเจอร้านอาหาร นั่งแวะกินข้าวเติมพลัง ดื่มนำ้เย็น ๆ รับลมทะเล ดูวิวทะเล กันไป พักผ่อนซักนิด ก่อนจะเดินทางกันต่อไป
พอเราเดินมาสุดเส้นทางศึกษาธรรมชาติ เราโทรให้พี่เจ้าของบ้านมารับ พี่เค้าขี่มอเตอร์ไซค์มา และทิ้งมอเตอร์ไซค์ไว้ให้เราขี่เที่ยวเล่นแถวชุมชนประแสต่อ แล้วค่อยขี่กลับบ้านพัก
แต่ถ้าจะมาเที่ยวกันแล้วจอดรถไว้ฝั่งท่าเรือ (ทางเข้าฝั่งทุ่งโปรงทอง) หากจะกลับไปเอารถ สามารใช้บริการรถมอเตอร์ไซค์พ่วงข้างที่จอดรออยู่เยอะแยะแถวนั้นไปส่งได้ 1 คนคิด 40 บาท 2 คน 60 บาท
หลังจากเราไปดูเรือรบหลวง นั่งทางข้าวริมทะเล และขี่มอเตอร์ไซค์วนเที่ยวในชุมชนแล้ว เราก็กลับไปที่บ้านพัก เอามอเตอร์ไซค์ไปคืน จ่ายค่าที่พัก นั่งคุยกับพี่เจ้าของบ้านอีกเป็นชั่วโมง จากนั้นก็ขับรถยิงยาวกลับกรุงเทพเลยค่ะ
ทริปนี้ บอกเลย เป็นทริปตากแดด หลังจากวันแรกไปตากแดดที่เขาแหลมหญ้า เพราะกะเวลาผิด ไปเร็วเกินไปเลยต้องตากแดดรอดูพระอาทิตย์ตก … วันต่อมาก็มาตากแดดที่ทุ่งโปรงทองต่อ แต่ถ้าถามว่าคุ้มกับความร้อนที่ไปเจอ และความดำที่จะตามมาไม๊ เราว่าคุ้มนะ มาดูซักครั้งให้เห็นกับตาตัวเอง ว่ามันสวยงามอย่างที่เค้าว่ากันรึเปล่า .. ซึ่งเรามาดูแล้ว เราว่าทั้ง 2 ที่นี้ .. เขาแหลมหญ้า และทุ่งโปรงทอง … ก็สวยดีนะ แล้วอยู่ไม่ไกลจากกรุงเทพด้วยล่ะ ไม่ต้องลางาน จะมาเที่ยวเสาร์-อาทิตย์ หรือจะจัดทริปแบบไปเช้าเย็นกลับก็ยังได้
ป่ะ .. เก็บกระเป๋า แล้วไปเที่ยวกันเถอะค่ะ
ข้อมูลเพิ่มเติม
- มาเที่ยวตอนเช้า แสงแดดยังไม่แรงมาก
- พกร่มมาด้วย เพราะตรงทุ่งจะเป็นลานโล่ง ๆ ไม่มีร่มเงาต้นไม้เพื่อบังแสงแดด และระหว่างทางเดินเลียบริมทะเลก็ไม่มีร่มเงาต้นไม้เหมือนกัน
- สะพานไม้บางช่วงชำรุด เดินระมัดระวังกันด้วยนะ
- ตอนกลางคืนมีบริการล่องเรือชมหิ่งห้อยที่ปากน้ำประแสด้วยล่ะ แต่เราไม่ได้ไป ถ้าพอมีเวลากันก็ลองไปกันดูนะ
- เข้าชมได้เวลา 6.00 – 18.00 น.
เป็นบทความที่ดีมากเลยครับ ชอบทุ่งโปรงทองมากครับ เดินเล่นบนสะพานยามเย็นสนุกดี บรรยากาศร่มรื่นท่ามกลางป่าชายเลน ใบไม่สีเหลืองทองอร่ามมาถ่ายรูปสวยมากครับ
พลังของธรรมชาติช่างดีต่อใจซะเหลือเกิน ลองคิดดูว่ายืนอยู่ท่ามกลางต้นไม้สีเขียวขจี ลมเย็นๆ เดินเล่นแถวป่าชายเลน ได้ชมความสวยงามตามธรรมชาติแบบไม่ต้องปรุงแต่งสีสันอะไรให้มากมาย