มีความคิดถึงเขามากกกก จะให้หายคิดถึง .. ก็คงต้องไปหาเขาสินะ
เพราะว่าปีนี้ทั้งปียังไม่ได้ไปขึ้นเขาที่ไหนเลย ความคิดถึงมันเลยถาโถม
พอเริ่มจะมีเวลาแล้ว … ก็คงต้องรีบไปซักเขา ก่อนที่จะคิดถึงไปมากกว่านี้
และแล้วเราก็มาหาเขาที่นี่ เขาแรกในปีนี้ของเรา “เขาหลวงสุโขทัย”
เขาหลวงสุโขทัย ตั้งอยู่ที่อุทยานแห่งชาติรามคำแหง จังหวัดสุโขทัย อยู่ไม่ไกลจาก กทม. ไปเสาร์-อาทิตย์แบบไม่ต้องลางานได้ เหมาะกับมนุษย์เงินเดือนแบบเราที่ไม่อยากใช้วันลา และเท่าที่หาข้อมูล ก็ดูจะเดินไม่ยาก เหมาะแก่การเป็นเขาแรกของปีสำหรับวอร์มร่างกายก่อนไปเดินเขาอื่น ๆ ต่อไป ฮ่าาา
คิดถึงเขาขนาดนี้ .. จะรออะไร .. ไปหาเขากันเลยดีกว่า
- จำนวนวัน
- ไปเสาร์-อาทิตย์ ไม่ต้องลางาน
- เราไปวันที่ 27 – 28 ส.ค. 59
- เดินทางคืนศุกร์ ถึงวันเสาร์ตี 4 ครึ่ง เดินขึ้นวันเสาร์ ไปนอนค้างบนเขาหลวง 1 คืน เดินลงช่วงสาย ๆ วันอาทิตย์ ขึ้นรถทัวร์ตอนเย็นถึง กทม. ประมาณตี 1
- การเดินทาง
- จาก กทม. ไป จ.สุโขทัย : เดินทางโดยรถทัวร์ ขึ้นที่หมอชิต ลงที่สุโขทัยได้ 2 ที่คือ คีรีมาส หรือขนส่ง ถ้าลงรถทัวร์ที่คีรีมาส จะใกล้อุทยานแห่งชาติรามคำแหงมากกว่าที่ขนส่ง แต่ต้องดูรอบรถด้วย เพราะรอบรถบางเวลาจะไม่ผ่านคีรีมาส เราเดินทางศุกร์กลางคืน นั่งสุโขทัยวินทัวร์ ซึ่งรอบดึกไม่ผ่านคีรีมาส เลยต้องไปลงที่ขนส่ง ใช้เวลาเดินทางประมาณ 6 ชั่วโมง ขาไปนั่ง vip ราคา 361 บาท
- ระหว่าง ขนส่ง กับ อุทยาน : เราเหมารถไปส่งและรับกลับ ติดต่อจองไว้ตั้งแต่ก่อนเดินทางเที่ยวละ 700 บาท เป็นรถกระบะ ระหว่างทางก็แวะตลาดสด แวะ 7-11 เพื่อซื้อของกินระหว่างเดินขึ้น-ลงเขา และของกินบนอุทยาน ส่วนขากลับให้น้องคนขับพาไปแวะกินก๋วยเตี๋ยวสุโขทัย ก่อนไปส่งที่ขนส่ง
- จาก จ.สุโขทัย ไป กทม. : นั่งของพิษณุโลกยานยนต์ ขึ้นที่ขนส่ง 310 บาท เราออกเดินทางตอนเย็น มาถึง กทม. เกือบตี 1
- ถึงอุทยานแล้วทำอะไร
- จ่ายค่าเข้าอุทยานคนละ 40 บาท จากนั้นเดินทางเข้าไปในที่ทำการต่อ ระหว่างจุดเก็บค่าธรรมเนียมกับจุดเริ่มเดิน ไกลกันพอสมควร ถ้านั่งสกายแลป มา จะส่งถึงแค่ตรงที่จ่ายเงินเท่านั้น ต้องเดินเข้าไปต่อเอง เพราะสกายแลปวิ่งไม่ไหว
- มาถึงที่ทำการ ให้รีบติดต่อลูกหาบ เพราะลูกหาบน้อย วันที่เราไปมีแค่ 4 คน ค่าลูกหาบคิดตามน้ำหนักของ กก.ละ 25 บาท ค่อยไปจ่ายด้านบนเขาหลวง
- รอเวลาที่ทำการเปิด เปิดประมาณ 8 โมง ระหว่างนั้นก็คุยกับพี่เจ้าหน้าที่แถวนั้น / กลุ่มที่จะเดินขึ้นเขากลุ่มอื่น ไปเพลิน ๆ ก็ได้ หรือจะไปกินข้าวท่ีร้านค้าสวัสดิการก็ได้ แต่วันที่เราไปฝนตก ร้านเปิดช้า เราเลยไม่ได้กิน
- พอที่ทำการเปิด ก็ติดต่อเรื่องเช่าเต๊นท์ และแผ่นรองนอน (เราเอาถุงนอนมากันเอง) ส่วนของที่เหลือ เช่นหม้อ ชาม ให้ไปติดต่อด้านบน ติดต่อและจ่ายเงินเสร็จจะได้กระดาษมา เก็บไว้ดี ๆ นะ เพราะต้องเอาไว้ใช้ไปเอาเต็นท์ที่ข้างบน
- พร้อมทุกอย่างแล้ว เริ่มเดินได้เลยยยย
- ทางเดินขึ้นเขาหลวงสุโขทัย
- ระยะทางประมาณ 3.7 กม. ทางสั้นก็จริงแต่ขอบอกว่าชันเกือบตลอดทางงงงงง
- ก่อนเริ่มเดิน แวะไหว้แม่ย่านาง และ ไหว้พระ ทางด้านขวามือกันก่อน
- ระหว่างทางไม่มีห้องน้ำ ไม่มีของขาย เดิมมีท่อส่งน้ำ สามารถรองนำ้ไว้ดื่มได้ แต่ตอนนี้ใช้ไม่ได้แล้ว หลังจากไฟไหม้รอบที่ผ่านมา เพราะฉะนั้น เตรียมของกินและน้ำระหว่างทางมาให้พอด้วยนะ
- มีที่นั่งพักระหว่างทาง เป็นแคร่ไม้ไผ่ แต่ว่าแต่ละจุดไม่ได้อยู่ใกล้กันนะ ต้องเดินซักพักเลยถึงจะเจอ
- ทางเดินเป็นดิน / หิน ทางแคบ
- เราไปปลายเดือน ส.ค. ขอบอกว่ายุงเยอะมากกกก เราหยุดนิ่งปุ๊บ ยุงรุมเข้ามาหาทันที เตรียมยากันยุงมาด้วยนะ
- ไม่มีทาก
- ถึงด้านบน
- ติดต่อเจ้าหน้าที่เพื่อเอาเต็นท์ จะกางตรงลานกว้างก็ได้ หรือจะอยู่ใต้หลังคาก็ได้ (เผื่อฝนตก) แต่ใต้หลังคาจะกางได้ไม่กี่หลัง
- เช่าเสื่อ หม้อ ชาม ช้อนส้อม สามขา (ที่วางเตาเวลาจุดฟืน)
- ด้านบนมีน้ำเปล่า น้ำอัดลม ของแห้งเช่นมาม่า ข้าวสาร ขาย แต่ไม่มีของสดนะ อยากกินอะไรต้องแบกขึ้นมาเอง กับข้าวทำกินเอง จากนั้นเอาอุปกรณ์ หม้อ ชาม ไปคืนพี่เจ้าหน้าที่ โดยเอาไปล้างที่ลานล้างจานด้านหลังตึกเจ้าหน้าที่ แล้วเก็บของให้เข้าที่
- ตอนเย็น และตอนเช้า มาขอน้ำร้อนที่พี่ ๆ เจ้าหน้าที่ได้ (ใส่มาม่าคัพ โจ๊กคัพ ชงกาแฟ)
- มีห้องนำ้และห้องอาบน้ำ
- ปิดไฟตอน 4 ทุ่ม (ปั่นไฟ)
- ไม่มีไฟให้ใช้นะ เตรียม ไฟฉาย + powerbank มาด้วย
- ด้านบนมีอะไรให้เดินเที่ยว
- มีเส้นทางเดินเที่ยวเป็นวงกลม ไปพิชิตอีก 4 จุด เรียงตามลำดับที่เราไปคือ เขาพระเจดีย์ 1185 เมตรจากระดับน้ำทะเล (M.S.L.) เขาภูกา 1200 M.S.L. เขาพระแม่ย่า 1200 M.S.L. และ ผานารายณ์ 1160 M.S.L.
- วันแรกหลังจากเดินขึ้นไปแล้ว เราเดินจากลานกางเต็นท์ ไปจุดชมวิวเขาพระเจดีย์ อยู่ห่างจากลาน 320 เมตร จากนั้นเดินต่อไป เขาภูกา อยู่ห่างจากเขาพระเจดีย์ 1.5 กม. จากเขาภูกา ต้องเดินย้อนกลับมาเส้นทางเดิม 1 กม. เพื่อไปเขาพระแม่ย่าต่อ โดยเดินจากจุดที่เดินกลับมาเพื่อไปอีกทาง เดิน 240 เมตร จะถึงเขาพระแม่ย่า นั่งรอชมพระอาทิตย์ตก จากนั้นก็เดินกลับเต็นท์ 980 เมตร ทางเดินจะเป็นวงกลม (ยกเว้นทางแยกออกไปเขาภูกา ซึ่งต้องเดินกลับมาในวงกลม) มีทั้งชันขึ้น และชันลง
- วันที่สอง ตื่นแต่เช้า เพื่อไปดูพระอาทิตย์ขึ้นที่ผานารายณ์ อยู่ห่างจากลานกางเต็นท์ 400 เมตร จากนั้น เดินลัดเลาะไปทางสถานีโทรคมนาคมเขานารายณ์ ของกองทัพอากาศเพื่อไปผาชมปรงต่อ และเดินกลับลานกางเต็นท์
- เดินกลับลงไปด้านล่าง
- หลังจากกลับมาที่ลานกางเต็นท์แล้ว ก็ทานมื้อเช้า เก็บข้าวของ เอาของมาคืนพี่เจ้าหน้าที่ และเอาของให้ลูกหาบ โดยจะชั่งน้ำหนักของและจ่ายเงินค่าลูกหาบที่ด้านบนก่อนเดินลง
- เดินลงได้เลยค่า
- พอเดินลงมาถึงด้านล่าง พี่ลูกหาบจะวางกระเป๋าเราเอารวม ๆ ไว้ให้ ก็อาบน้ำก่อนให้เรียบร้อย จากนั้นก็เดินทางเข้าตัวจังหวัดเพื่อไปขนส่ง ระหว่างทางก็แวะกินก๋วยเตี๋ยวสุโขทัยกันก่อน ไหนๆ ก็มาถึงสุโขทัยแล้ว
- ค่าใช้จ่ายทั้งหมดประมาณ 2,000 บาทต่อคน
- ค่ารถทัวร์ไป – กลับ : 671 บาท
- ค่ารถกระบะเหมาไปรับ-ส่งอุทยาน (หารกัน 4 คน) : 350 บาท
- ค่าเข้าอุทยาน : 40 บาท
- ค่าของที่เช่า : 120 บาท
- ค่าลูกหาบ : 350 บาท
- ที่เหลืออีกประมาณ 500 เป็นค่าน้ำและค่าของกิน
- ประทับใจ
- ทางเดิน ชันมากกก คือประทับใจมากก นี่พูดจริงไม่ได้ประชด 555
- เดินสนุก เป็นดิน / หิน ทางแคบ ลื่น ชัน
- วิวดี วิวสวย ลมเย็น อากาศดี ธรรมชาติรอบตัว
- พี่เจ้าหน้าที่ น่ารักทุกคนนน ใจดี อัธยาศัยดี เล่านู่นเล่านี่ พาเดินด้านบนด้วย
- พี่ ๆ น้อง ๆ กลุ่มอื่น ที่ไปเที่ยว ก็น่ารัก อัธยาศัยดี
- เพื่อนร่วมทริป อีดจริง ไม่บ่นเลย
มาดูรูปประกอบกันบ้างดีกว่า
ระหว่างทางเดินขึ้นเขาหลวงสุโขทัย
ทางเดินเป็นหินและดิน … ชัน ชัน และชัน เกือบตลอดทาง
เดินไปลุ้นไป ฝนจะตกไม๊นะ .. เพราะตอนเช้าฝนตกหนักมากกกก แต่โชคดีที่ไม่ตกระหว่างทางตอนที่เดิน เพราะถ้าฝนตกนี่คงเดินลำบากแน่ ๆ เลย
จุดที่พักชมวิวระหว่างทาง
พักเหนื่อยแล้วก็เดินทางกันต่อ
เจออะไรสวย ๆ ระหว่างทางก็แวะถ่ายรูปไปเรื่อย ๆ ….เราไม่รีบ ฮ่าๆ
ทางยังเปียก ๆ อยู่ เพราะฝนตกเมื่อตอนเช้า
มาช่วงนี้ เสี่ยงเจอฝน ….แต่ได้พบเจอความเขียววว แน่ ๆ
ตั้งหน้าตั้งตาเดินกันมา … แวะพักกันตลอดทาง .. บอกแล้วเราไม่รีบ 55
ในที่สุด เราก็มาถึงทางชันช่วงสุดท้าย
เรานี่รีบพุ่งตัวขึ้นไปทันที …
สุดทางจะเจอป้ายนี้ เป็นป้ายต้อนรับที่เล็กก็จริง … แต่อารมณ์ตอนนั้นคือยิ่งใหญ่มากกก เฮ้ยยยย ชั้นมาถึงแล้วววว
ส่วนป้ายที่เอาไว้ถ่ายรูปน่ะ .. ป้ายนี้
ลานกางเต็นท์
มาถึงด้านบน จะเจอลานกางเต็นท์เขียว ๆ โล่ง ๆ แบบนี้
อาคารเจ้าหน้าที่สำหรับติดต่อทุกเรื่อง .. ซื้อน้ำ / อาหารแห้ง เช่าอุปกรณ์ / หม้อ / ถ้วย / ช้อนส้อม / แผ่นรองนอน / เสื่อ ขอน้ำร้อน ติดต่อเต็นท์ รับกระเป๋าจากลูกหาบ และติดต่อลูกหาบตอนขาลง
มีที่กางเต็นท์ในอาคารให้ด้วย ถ้าใครกลัวฝนตกหนัก ลมแรง ก็มากางเต็นท์ในนี้ได้
กางเต็นท์ใต้หลังคาม่ต้องกังวลเรื่องฝนตก แต่ก็จะไม่ค่อยโปร่งโล่งสบาย เหมือนกางข้างนอกตรงลาน
กางเต็นท์ข้างนอกตรงลาน ก็รับลมสบาย ๆ ไป ..แต่ถ้าฝนตกหนักและลมแรง ก็อาจจะลำบากหน่อย
มีห้องอาบน้ำและห้องน้ำ แยกหญิง ชาย
มาถึงด้านบน ติดต่อทุกอย่างครบหมดแล้ว … ล้างหน้าล้างตา พักกันซักแป๊บ แล้วมาเดินเที่ยวต่อกันเลยค่า
เดินเที่ยวข้างบน
ข้างบนมีเส้นทางเดินเที่ยวเป็นวงกลม ไปพิชิตอีก 4 จุด เรียงตามลำดับที่เราไปคือ เขาพระเจดีย์ 1185 เมตรจากระดับน้ำทะเล (M.S.L.) เขาภูกา 1200 M.S.L. เขาพระแม่ย่า 1200 M.S.L. และ ผานารายณ์ 1160 M.S.L.
วันแรกหลังจากเดินขึ้นไปแล้ว เราเดินจากลานกางเต็นท์ ไปจุดชมวิวเขาพระเจดีย์ อยู่ห่างจากลาน 320 เมตร
มาถึงบนเขาหลวงแล้ว นึกว่าจะไม่ต้องเดินขึ้นอีกแล้ว … แต่ไม่จ้าาา เริ่มเดินก็เจอทางเดินขึ้นแบบชันๆ อีกแล้ว
เดินมาซักพัก ก็จะออกจากเขตต้นไม้ใหญ่ มาเจอทุ่งหญ้าสีเขียว ตัดกับฟ้าใสๆ … ความเหนื่อยหายไปทันที
สวยมากกกก
พี่เจ้าหน้าที่ใจดี กับเจ้าแพนเค้ก หมาอึดประจำยอดเขาหลวง ก็มาเดินเป็นเพื่อนกันด้วย
จากตรงนี้ มองไปจะเห็นอีก 2 ยอดเขา ..นั่นแหละค่ะที่เราต้องเดินไปต่อ
ด้านซ้ายคือเขาภูกา ด้านขวาคือเขาพระแม่ย่า
จุดหมายต่อไปของเราคือ เขาภูกา ซึ่งอยู่ห่างจากเขาพระเจดีย์ 1.5 กม.
ระหว่างทางก็แวะชมวิว .. ถ่ายรูป..
แล้วก็เดินกันต่อ…
แล้วก็แวะถ่ายรูปอีก …
นี่วันนี้จะเดินถึงจุดหมายไม๊เนี่ยยยย
เดินมาซักพัก จะเจอทางแยก ..
ถ้าแยกไปทางซ้าย จะไปเขาภูกา ต้องเดินจากทางแยกไปอีก 1 กม. แล้วก็ต้องเดินย้อนกลับมาเส้นทางเดิม 1 กม. กลับมาที่ทางแยกนี้เพื่อไปเขาพระแม่ย่าต่อ
แม้จะเหนื่อยจากการเดินขึ้น ๆ ลง ๆ .. แต่เราก็ยังคงสนุกสนานกับการถ่ายรูปทุกสิ่งอย่างระหว่างทางต่อไป
พ้นจากพื้นที่ต้นไม้ .. ก็จะเป็นพื้นที่ทุ่งหญ้า .. ทางมาเขาภูกา หญ้าสูงนะ
เดินฝ่าหญ้าสูงๆ มาซักพัก เราก็มาถึงแล้วค่ะ .. เขาภูกา
จากนั้นก็เดินกลับมาที่ทางแยกเพื่อไปเขาพระแม่ย่าต่อ เพื่อไปรอดูพระอาทิตย์ตก
โดยเดินจากทางแยก 240 เมตร จะถึงเขาพระแม่ย่า .. ตอนเราไปถึง ก็มีคนมานั่งรอชมพระอาทิตย์ตกกันหลายคนแล้ว
ยอดเขาภูกา ที่เราเพิ่งไปมา
วันนี้เมฆเยอะ เลยไม่ได้เจอไข่แดงเลย … ได้พระอาทิตย์ตกมาเท่านี้
พอแสงเริ่มหมด เราเริ่มเดินกลับเต็นท์แล้ว ระยะทางไปถึงเต็นท์ประมาณ 980 เมตร .. พอไปถึง ก็ทานข้าว อาบน้ำ นอนเก็บแรง เพราะวันพรุ่งนี้ต้องตื่นแต่เช้าไปดูพระอาทิตย์ขึ้นต่อ
วันที่สอง ก็ตื่นกันแต่เช้า เพื่อไปดูพระอาทิตย์ขึ้นที่ผานารายณ์ อยู่ห่างจากลานกางเต็นท์ 400 เมตร .. ทางดูไม่ไกล แต่ชันและลื่นมากกกก
วันนี้ก็เหมือนเมื่อวานเลย .. เมฆเยอะมากกกกก
จากผานารายณ์ เราเดินลัดเลาะไปทางสถานีโทรคมนาคมเขานารายณ์ ของกองทัพอากาศเพื่อไปผาชมปรงต่อ
จากผาชมปรง เราก็เดินกลับลานกางเต็นท์ มาทานมื้อเช้าง่าย ๆ .. โจ๊กคัพ (ขอน้ำร้อนจากพี่เจ้าหน้าที่) ใส่ไข่ออนเซน 7-11
จากนั้นก็เก็บข้าวของ เอาของมาคืนพี่เจ้าหน้าที่ และเอาของให้ลูกหาบ โดยจะชั่งน้ำหนักของและจ่ายเงินค่าลูกหาบที่ด้านบนก่อนเดินลง
จากนั้นก็เดินลงกันได้เลยค่ะ
ต้องเดินลงละสินะ
ต้องเดินลงละสินะ … ยังไม่อยากกลับเลย T^T
วันที่เราเดินลง … มองไปทางไหนก็มีแต่หมอก
จุดที่พักชมวิว .. มองอะไรไม่เห็นเลยย
แม้จะมีแต่หมอก .. แต่ก็ไม่ใช่อุปสรรคต่อการถ่ายรูปของเรา ฮ่าาา
ขาเดินลง ไม่ได้ถ่ายรูปมากเท่าไหร่ เพราะขาขึ้นถ่ายมาตลอดแล้ว ส่วนใหญ่ขาลงก็จะถ่ายแต่หมอก กับแมลงตัวเล็กตัวน้อยที่เจอระหว่างทางเนี่ยล่ะ
เดินๆ ไป แวะถ่ายรูปไป พักเหนื่อยกันไป .. จากนั้นก็เดินต่อ ซักพักก็มาถึงด้านล่าง
เรามาถึงช้ากว่าลูกหาบ พี่ลูกหาบจะวางกระเป๋าเราเอารวม ๆ ไว้ให้ ก็อาบน้ำก่อนให้เรียบร้อย จากนั้นรถกระบะที่ติดต่อเหมาเอาไว้ ก็มารับเรา เดินทางเข้าตัวจังหวัดเพื่อไปขนส่ง ระหว่างทางก็แวะกินก๋วยเตี๋ยวสุโขทัยกันก่อน ไหนๆ ก็มาถึงสุโขทัยแล้ว
มาครั้งนี้ สนุกสนาน มีเพื่อนร่วมทางที่ไปไหนไปกัน … ระหว่างทางก็เจอผู้คนทั้งกลุ่มพี่ๆน้องๆที่มาเที่ยว และพี่เจ้าหน้าที่ ได้มิตรภาพและความทรงจำที่ดี … ได้อยู่กับธรรมชาติ วิวสวย ๆ อากาศดี ๆ … ถ้าไม่พาตัวเองมาที่นี่ ก็คงไม่ได้ประสบการณ์และความทรงจำดี ๆ แบบนี้ … อืมมมม คิดถึงเขาอีกแล้ว … ไปวางแผนขึ้นเขาทริปต่อไปดีกว่า >..<
ขึ้นเขาครั้งหน้า..มารอดูกันนะ ว่าเราจะไปที่ไหนต่อ