ในวันที่อยากเดินเที่ยวถ่ายรูป … แต่ไม่อยากไปไหนไกล …
นั่งหาข้อมูลใน internet … อยากเที่ยวในโซนกรุงเทพ ไม่อยากไปไหนไกล ไม่เอาห้างสรรพสินค้า ไม่เอาชอปปิ้ง ไม่เน้นกิน .. อยากเดินเรื่อย ๆ เที่ยวถ่ายรูป … ดูเงื่อนไขเยอะเนอะ 555
แล้วเราก็เจอสถานที่นี้ …. ชุมชนกุฎีจีน
นั่งอ่านรีวิวของคนอื่นที่เขียนไว้เกี่ยวกับย่านนี้ … อ่านแล้วก็นึกย้อนมาถึงตัวเอง … เวลาไปเที่ยวประเทศอื่น ไปเดินถ่ายรูปตามถนน ตามตรอกซอกซอย เดินดูชุมชน ดูบ้านเรือน ดูผู้คน ดูย่านเก่า ของประเทศเค้า .. แต่ของประเทศเราเอง เรายังไม่เคยไปเลย ….
ชุนชนกุฎีจีน
กุฎีจีน หรือ กะดีจีน เป็นชุมชนเก่าตั้งอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยาทางฝั่งธนที่อยู่มายาวนานกว่า 200 ปี ชุมชนนี้มีมาตั้งแต่สมัยสมเด็จพระเจ้าตากสิน โดยหลังจากกอบกู้เอกราชและสถาปนากรุงธบุรี ก็ได้รวบรวมชาวไทย จีน โปรตุเกส และพระราชทานที่ดินเพื่อให้สร้างที่อยู่อาศัย ชุมชนนี้จึงมีความหลากหลายทางวัฒนธรรมให้พบเห็นไม่ว่าจะเป็น ไทย จีน ยุโรป
มาเที่ยวที่นี่มีสถานที่ให้แวะเที่ยวแวะดูทั้ง วัดพุทธ ศาลเจ้าจีน และโบสถ์คริสต์
วัดกัลยาณมิตรวรมหาวิหาร
เป็นจุดเริ่มต้นของการเดินเที่ยวของเรา วัดกัลยาณมิตรวรมหาวิหาร ตั้งอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา เป็นวัดเก่าแก่ที่สร้างในสมัยรัชกาลที่ 3 (ตั้งแต่ปี 2368) มาถึงที่นี่แล้ว ก็มาไหว้หลวงพ่อโต หรือหลวงพ่อซำปอกงกันก่อน ก่อนที่จะเริ่มเดินไปยังสถานที่ต่อ ๆ ไป
ไหว้พระเสร็จแล้ว ก็ไปสถานที่ต่อไปกัน การเดินไปแต่ละที่ไม่ยาก และไม่ไกล … เดินไปตามทางเดินริมแม่น้ำเจ้าพระยามาทางสะพานพุทธฯ ก็จะถึงสถานที่ต่อ ๆ ไป ….
ศาลเจ้าเกียนอันเกง
ศาลเกียนอันเกง เป็นศาลของชุมชนชาวจีน สร้างโดยชาวจีนฮกเกี้ยนที่มาตั้งรกรากอยู่ที่ชุมชนนี้ มาถึงที่นี่ ก็แวะมาสักการะเจ้าแม่กวนอิม พร้อมกับชมความสวยงามของงานแกะสลัก กระเบื้องโค้ง และการมุงหลังคาแบบจีน
ศาลเจ้าเกียนอันเกงได้รับรางวัลอนุรักษ์ศิลปสถาปัตยกรรมดีเด่น ประเภทปูชนียสถานและวัดวาอารามในปี 2551 ที่นี่สวยดีนะ แต่ไม่มีรูปข้างในมาให้ดูเพราะห้ามถ่ายรูปข้างในศาล .. ถ้าอยากรูปว่าด้านในเป็นยังไง ก็ต้องมาดูด้วยตัวเอง >,<
จากศาลเจ้า ก็ใช้เส้นทางเดิม… เดินริมแม่น้ำเจ้าพระยามาทางสะพานพุทธฯ เพื่อไปยังสถานที่ต่อไป
โบสถ์ซางตาครูส
โบสถ์ซางตาครูส (แปลว่า กางเขนศักดิ์สิทธิ์)อยู่กับชุมชนกุฎีจีนมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2313ในสมัยสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช เป็นโบสถ์ศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาทอลิก เดิมเป็นโบสถ์ไม้ แต่เกิดไฟไหม้ชุมชนในปี 2376 จึงสร้างใหม่เป็นตึกที่ใช้อิฐใช้ปูน หลังจากนั้นก็ได้มีการบูรณะโบสถ์อีกครั้งหนึ่งให้มีสถาปัตยกรรมแบบอิตาเลียนในปี 2459
เดินเล่นในซอยชุมชนกุฎีจีน
จากโบสถ์ซางตาครูส หากจะเดินลัดเลาะไปในซอยเล็ก ๆ ของชุมชนกุฎีจีน .. ให้เดินเข้าซอยที่อยู่ทางด้านขวามือของโบสถ์ (หันหน้าเข้าโบสถ์นะ) จะเป็นตรอก ๆ เล็ก ๆ ให้เดินเล่น .. ในซอยนี้ จะมีร้านธนูสิงห์ที่ขายขนมฝรั่งกุฎีจีน (เป็นขนมดั้งเดิมจากชาวโปรตุเกส ทำจากไข่ น้ำตาลและแป้งสาลี อบแล้ว โรยหน้าด้วยฟักเชื่อม / ลูกเกด / พลับ ซึ่งเป็นผลไม้มงคลของจีน) มีเรือนไม้ที่ประดับลวดลายฉลุแบบขนมปังขิง มีบ้านสกุลทอง (ขายอาหาร ของว่างชาววัง สำรับโปรตุเกส) และมีพิพิธภัณฑ์บ้านกุฎีจีน (อยู่ระหว่างการสร้าง ตอนนี้ขายเครื่องดื่มแล้ว แต่ส่วนของพิพิธภัณฑ์ยังไม่เสร็จ)
รูปวาดบนกำแพง แสดงวิถีของชุมชน
เรานั่งติดฝนอยู่ที่พิพิธภัณฑ์บ้านกุฎีจีนซักพัก พอเดินทะลุกลับมาที่โบสถ์ก็เริ่มเย็นแล้ว .. เริ่มมีคนของชุมชนมานั่งเล่นคุยกัน มีเด็กวิ่งเล่นกัน ตรงลานพื้นที่โล่งรอบ ๆ โบสถ์ ….. ก่อนกลับ ถ้าเริ่มหิว .. ก็แวะกินขนมจีนไก่คั่วยายตี้ ที่ร้านเฮโลนมสด ซึ่งอยู่ตรงหน้าโบสถ์ เติมพลังกันซักนิดก่อนกลับบ้านได้ .. เค้าบอกว่า ขนมจีนไก่คั่ว เป็นอาหารชาวไทยเชื้อสายโปรตุเกสที่มีสูตรโบราณมากว่า 100 ปีเลยนะ
ถ้าอยากเดินเล่นในชุมชนเก่าของกรุงเทพ .. ที่นี่ก็เป็นอีกที่นึงที่น่าสนใจ มาที่นี่ได้ชมทั้งวัดพุทธ ศาลเจ้าจีน โบสถ์คริสต์ และชุมชนเก่าดั้งเดิม .. เวลาที่ใช้เดินก็ไม่นาน เพราะแต่ละที่ไม่ไกลกันเลย ..การมาก็ไม่ยาก
หากเอารถมาก็มาจอดที่วัดกัลยาณมิตรวรมหาวิหาร ค่าจอด 20 บาทจอดได้ทั้งวัน โดยจากวงเวียนใหญ่ >> เข้าถนนประชาธิปก >> เลี้ยวซ้ายเข้าอรุณอมรินทร์ >> ซอยวัดอยู่ขวามือก่อนขึ้นสะพานข้ามคลองบางกอกใหญ่ ถ้าขับเลยซอยไปกลับรถใต้สะพานได้ เพราะเราก็ขับเลย 555 แต่ถ้ามาทางเรือ นั่งเรือข้ามฟากจากปากคลองตลาดมาที่ท่าเรือวัดกัลยาณมิตรวรมหาวิหารได้เลย
เดินเล่นในกรุงเทพครั้งหน้า .. ขอไปหาก่อนนะ ว่าจะไปที่ไหนต่อดี ..