การท่องเที่ยวของเรา จุดหมายไม่ได้สำคัญที่สุดเสมอไป … การได้เรียนรู้ ได้พบเจอสิ่งต่าง ๆ ระหว่างทาง มันคือสิ่งที่ทำให้การเดินทางมีความหมาย
แม้เป้าหมายคือการไปให้ถึง .. มีความรู้สึกว่าเราก็ทำได้ เรามาถึงแล้ว .. แต่สิ่งที่จะอยู่ในความทรงจำ สิ่งที่ทำให้ทริปมันน่าจดจำ .. ในทุก ๆ ครั้ง มันคือเรื่องราวที่เราได้พบเจอระหว่างทาง
ครั้งนี้ก็เช่นกัน ..
ภูกระดึง … สถานที่ที่ใคร ๆ ก็บอกว่าเป็นปฐมบทของการเดินป่า
ใครที่อยากจะดูว่าตัวเองพอไหวหรือไม่ จะมาค้นพบว่าตัวเองชอบเดินขึ้นภู ขึ้นดอยหรือไม่ เราแนะนำให้ลองมาที่นี่ ..ที่ๆ เดินง่าย ระหว่างทางก็มีของกินมากมาย พอขึ้นไปอยู่บนภูก็สะดวกสบายไม่ลำบาก
สำหรับเราแล้ว ..เรารู้ตัวมานานละ ..ว่าเราชอบการมาเที่ยวภูเขา ได้เดินขึ้นดอยไปเรื่อยๆ ไปจนถึงข้างบน ..ดูวิว ดูภูเขา ดูต้นไม้ใบหญ้า ดูดาว ..และกลับลงมา เพื่อที่เตรียมตัวการเดินทางครั้งต่อไป
การไปเที่ยวภูกระดึง แน่นอนล่ะ .. เป้าหมายคือการไปให้ถึงหลังแป ไปให้ถึงจุดกางเต๊นท์ที่วังกวาง เดินเที่ยวต่อไปให้ถึงผาหล่มสักเพื่อดูพระอาทิตย์ตก ไปให้ถึงน้ำตกถ้ำใหญ่เพื่อไปดูใบเมเปิ้ลแดง .. แต่เราเชื่อว่าสิ่งที่อยู่ในความทรงจำของทุกคนที่ได้ไปมา มันไม่ได้มีแค่นั้น .. สำหรับเรา สิ่งที่เรานึกถึงจากการไปภูกระดึง .. มันคือความสวยงามของธรรมชาติระหว่างทางทั้งระหว่างทางเดินขึ้นภู ระหว่างทางเดินท่องเที่ยวเส้นน้ำตก และระหว่างทางเดินเที่ยวเส้นริมผา… เป็นความสวยงามที่ถ้าไม่พาตัวเองมาอยู่ ณ จุดนั้น ก็คงไม่ได้เห็น .. ต่างสถานที่ ต่างคน ต่างเวลา .. สิ่งที่เห็นมันก็สวยงามแตกต่างกันไป
แม้จะมีความสบายเข้ามาเยอะแล้ว ไม่ว่าจะเป็นเรื่องกิน เรื่องที่พัก เรื่องห้องน้ำ เรื่องไฟฟ้า … แต่ก็ยังคงความเป็นธรรมชาติให้เราสัมผัสได้ ให้เรารู้สึกประทับใจกับธรรมชาติได้อยู่
มีเรื่องราวของคนที่ไปด้วยกัน ได้มีประสบการณ์ร่วมกัน ได้เรียนรู้กัน และยังมีเรื่องราวของคนที่ได้พบเห็นระหว่างทาง .. ครอบครัวที่พาลูกตัวเล็ก ๆ เดินขึ้นภูโดยที่ไม่งอแง .. คุณพ่อที่ทั้งแบกกระเป๋าและอุ้มลูกที่กำลังหลับอยู่บนอกเดินลงภู .. กลุ่มวัยรุ่นที่มาเป็นอาสาสมัครช่วยเก็บขยะ .. คู่รักที่แบกกีตาร์ (และแบกของทุกอย่างเอง) นั่งเล่นกีตาร์กันเบา ๆ ซบไหล่กัน อยู่ตรงจุดชมวิวที่พักระหว่างทาง .. การให้กำลังใจกันจากคนที่พบเจอระหว่างทาง ที่เดินแซงกัน ที่เดินสวนกัน ว่า อีกนิดเดียวนะ อีกนิดเดียว .. สู้ๆ นะ …. หรือแม้แต่การบ่นแล้วบ่นอีกว่า โอ๊ยย เมื่อไหร่จะถึงงงง .. มันเป็นสิ่งที่เราเห็นแล้วก็อดยิ้มไม่ได้ ว่า.. เออออ..น่ารักดีนะ
…… เรื่องราวระหว่างทาง มันคือสิ่งที่ทำให้การท่องเที่ยวในแต่ละครั้ง มันน่าจดจำ … จริง ๆ นะ ^__^
ก่อนที่อะไร ๆ มันอาจจะเปลี่ยนแปลงไปจากนี้ .. เราอยากบอกเลยว่า ถ้าใครยังไม่ได้ไปภูกระดึง ลองไปซักครั้งเถอะนะ ไปสัมผัสธรรมชาติ แบบไม่ได้ลำบากมากมาย แต่ก็ไม่ได้สบายจนเกินไป … ยังคงมีการใช้ความพยายามเพื่อไปให้ถึง ใช้ทั้งกำลังใจและกำลังกายตัวเอง แถมด้วยกำลังใจจากคนข้าง ๆ .. การที่เราได้ใช้ความพยายาม ได้พบเจอเรื่องราวระหว่างทาง ทั้งความสวยงามของธรรมชาติและเพื่อนร่วมทางที่พบเจอระหว่างทาง … มันทำให้การไปถึง ไม่ได้ไปเพราะจะไปชมวิวอย่างเดียว แต่ไปเพื่อที่จะสัมผัสธรรมชาติ และเก็บเกี่ยวประสบการณ์และเรื่องราวประทับใจกลับมา …
บ่นมา ..ก็ยาวแล้ว เข้าเรื่องเลยดีกว่า .. ทริปภูกระดึง เป็นทริปแรกที่เราจะเขียนถึง เนื้อหาอาจยังไม่แน่น ที่แน่นอาจจะเป็นรูปภาพที่ดูจะเยอะกว่าเนื้อหา ฮ่าๆๆ แต่เราก็จะพยายามทำให้ดีขึ้นเรื่อย ๆ นะ
.. “ภูกระดึง” .. อยากมาที่นี่มานานแล้ว .. แต่ก็ไม่มีโอกาสซักที
จนในที่สุด มีคนตกหลุมพราง ..มาขึ้นภูกับเราด้วย ..ฮ่าาา
ทริปนี้คุยล่วงหน้าไว้ประมาณ 2 เดือน แต่กว่าจะทำอะไร ..คือกระชั้นชิดมาก ..ซื้อเต็นท์ และตั๋วรถทัวร์ ล่วงหน้าแค่ 1 อาทิตย์ ..หุหุ
เราไปช่วงกลางเดือน ธ.ค. 58 กะว่าไปช่วงนี้น่าจะได้เห็นใบเมเปิ้ลสีแดง ..
ไป 4 วัน 3 คืน .. เพราะอยากจะใช้เวลาอยู่บนนั้นแบบไม่ต้องเร่งรีบ (ส่วนใหญ่ไปกัน 3 วัน 2 คืนค่ะ)
สรุปได้วัน คือ 19 – 22 ธ.ค. 58
>> การเดินทาง
จาก กทม. นั่งรถทัวร์ไปลงที่ ร้านเจ๊กิม (อยู่ตรง ผานกเค้า) >> ขาไปเราไปของแอร์เมืองเลย บอกเค้าว่าไปลงผานกเค้า รถ vip ราคา 460 บาท ออก 22.35 น. ไปถึงประมาณ 6 โมงเช้า
พอถึงร้านเจ๊กิม ก็แวะล้างหน้า แปรงฟัน ทานข้าวเช้า .. พอพร้อมไปต่อ .. ให้ไปขึ้นรถสองแถว อยู่ทางขวามือจากหน้าร้านเจ๊กิม เพื่อไปอุทยานแห่งชาติภูกระดึง ใช้เวลาเดินทางประมาณ 20 นาที ราคาเหมาคันละ 300 บาท หรือไม่ก็รอจนครบ 10 คน คิดคนละ 30 บาท
>> ถึงอุทยาน
พอถึงอุทยานแล้ว ให้ไปติดต่อจ่ายค่าเข้าอุทยาน ค่าเต็นท์ ค่าพื้นที่กางเต็นท์
ตอนเราไปถึง …คือตกใจ คือคนเยอะ คือแถวยาวววว
แถวที่ติดต่อกับอุทยาน จะมีทั้งหมด 3 แถว เสร็จธุระหนึ่งแถวก็ไแต่อทำธุระแถวต่อไป
แถวช่องเบอร์ 1 ติดต่อบ้านพัก / เต็นท์ ราคาเต็นท์ (3 คนนอน) 225 บาท / คืน / หลัง … แถวนี้ยาววว
แถวช่องเบอร์ 3 จ่ายค่าเข้าอุทยาน ผู้ใหญ่ 40 บาท เด็ก 20 บาท ถ้าเป็นชาวต่างชาติ เอา 10 คูณเข้าไปเลย … แถวนี้ก็ยาววว
แถวช่องเบอร์ 4 จ่ายค่าพื้นที่กางเต็นท์ 30 บาท/คน/คืน … แถวนี้ไม่มีคนเลยย เป็นแถวสำหรับคนที่เอาเต็นท์มาเอง
เราเอาเต็นท์มาเอง โทรจองพื้นที่กางเต็นท์และโอนเงินล่วงหน้าไว้ .. พอมาถึง เลยต่อเฉพาะแถวที่จ่ายค่าเข้าอุทยาน จากนั้นก็เอาใบเสร็จที่โอนเงินค่าพื้นที่กางเต็นท์ไปติดต่อช่องเบอร์ 4
ของอื่น ๆ ที่จะเช่า .. พวกหมอน แผ่นรองนอน ผ้าห่ม .. ค่อยไปติดต่อข้างบนภู
ระหว่างรอคิว .. ก็ส่งเพื่อนไปติดต่อเรื่องลูกหาบไว้ก่อน …กลัวลูกหาบหมด 555+
ติดต่อลูกหาบ เดินไปทางด้านหลังของตึก แล้วเลี้ยวไปทางซ้าย จะเจอจุดติดต่อลูกหาบ .. ก็เข้าไปติดต่อ ชั้งน้ำหนักกระเป๋า ซื้อ tag ติดกระเป๋า (1 tag ต่อ กระเป๋า 1 ใบ) อันละ 5 บาท เค้าจะเอา tag ส่วนนึงติดไว้กับกระเป๋า อีกส่วนให้เราเก็บไว้ตอนรับกระเป๋าบนภู .. ส่วนค่าลูกหาบแบกกระเป๋า ค่อยไปจ่ายเงินให้ลูกหาบตอนรับกระเป๋าข้างบนภู 30 บาท/กิโล
อ่อ ลืมบอกกก อุทยานเปิดให้ซื้อตั๋วได้ถึงบ่ายโมงครึ่ง และให้เริ่มเดินได้ถึงบ่าย 2 .. ถ้าเลยบ่าย 2 ไปแล้ว เค้าจะไม่ให้เริ่มเดินแล้ว เพราะเดี๋ยวจะมืดซะก่อนที่จะไปถึงข้างบนภู
พอจัดการทุกอย่างพร้อม … ก็เริ่มเดินกันเลย ! เย้!!
นี่คือเส้นทางเดินขึ้นเขา .. เดินขึ้นไปเรื่อย ๆ จนถึงจุดสูงสุดที่หลังแป จากนั้นเป็นทางราบ ไปจนถึงวังกวาง .. จุดกางเต็นท์ของเรา
ชิวๆ .. เดินขึ้นเขา 5.5 กม. จากนั้นทางราบอีก 3.5 กม. … รวมแล้วก็ 9 กม. หุหุ >~<
เราเริ่มเดินตอน 8 โมง ซำแรกที่จะไปถึง คือ “ซำแฮก” … ระยะทาง 1 กม.
ระหว่างทางไปซำแฮก ก็จะมีวิวต้นไม้สวยๆ ให้เดินดูเพลินๆ ^__^
เดิน เดิน เดิน .. กันต่อไป
พี่ ๆ ลูกหาบ นี่แข็งแรงจริง ๆ ..
ของที่พี่ลูกหาบแบกขึ้น ไม่ได้มีแค่กระเป๋านะคะ ..พี่เค้าแบกทุกอย่าง นำ้ นำ้แข็ง อาหาร ถัง gas
เดินแบบเรื่อยๆ แวะถ่ายรูปตลอดทาง … ผ่านไป 35 นาที เราก็มาถึง ซำแฮก
ตอนมาถึง คือแอบแปลกใจ … ร้านอาหารเยอะกว่าที่คิดมาก
ก่อนมาที่นี่ … เราไปขึ้นภูสอยดาวมา ตอนเดือน ต.ค. คือระหว่างทางไม่มีอะไรเลย ไม่มีร้านมาขายของกินแบบนี้คืออยากกินอะไร ขนม ข้าว น้ำ .. เอาใส่กระเป๋า ขนไปกินระหว่างทางเอง แต่ที่นี่ ไม่ต้องเลย พกแค่เงินมาก็พอ
จาก “ซำแฮก” ก็ไป “ซำบอน” ต่อ .. ระยะทางไม่ไกล แค่ 700 เมตร
พี่ลูกหาบผู้หญิง .. แข็งแรงจริง ๆ
จาก ซำบอน เป็นต้นไป ระยะทางแต่ละซำ จะไม่ไกลกันเท่าไหร่
จากซำบอนไป ซำกกกอก 440 เมตร >> ซำกอซาง 200 เมตร >> พร่านพรานแป 140 เมตร >> ซำกกหว้า 440 เมตร >> ซำกกไผ่ 460 เมตร >> ซำกกโดน 300 เมตร >> ซำแคร่ 450 เมตร
ข้าวมื้อแรก ที่ซำกกหว้า ตอน 10 โมง …. ข้าวไข่เจียวหมูสับ …สร้างสรรค์มาก 555+
ราคาอาหารตามสั่ง ราคามาตรฐาน 50 บาททุกเมนู (ขึ้นไปข้างบนภู จะเป็นอีกราคานึงนะ)
ที่ซำ จะมีที่พักวางของที่ลูกหาบแบกขึ้นมา .. เอามาพาดไว้ จะได้ไม่ต้องวางบนพื้น
ที่ซำกกโดน จะมีจุดชมวิวสวย ๆ .. เรานั่งเล่นตรงนี้เพลินนนน เลย
วิวสวย ลมเย็น อากาศดี ๆ
เรามาถึงซำแคร่ .. ซำสุดท้าย ตอน 11 โมง ก่อนจะเป็นการเดินช่วงสุดท้ายขึ้นภูกระดีง ระยะทาง 1.3 กม.เพื่อไปหลังแป เป็นช่วงที่ชันที่สุด และต้องใช้แรงกาย (และแรงใจ) มากที่สุดสำหรับการเดินขึ้นภูกระดึง
บันไดตรงนี้เป็นบันไดช่วงสุดท้ายก่อนจะถึงหลังแป .. ชันและแคบค่ะ
เวลาเจอทางแคบ ๆ ให้ระวังพี่ๆลูกหาบนะ เวลาพี่เค้าหมุนซ้ายหมุนขวา .. เดี๋ยวกระเป๋าที่เป็นมัดๆ จะเหวี่ยงมาฟาดโดนหัวเรา … เว้นระยะไว้ (เยอะๆ) ก็ดีค่ะ
หลังจากผ่านพ้นทั้งทางราบ ขึ้นเนิน รากไม้ หิน บันได .. เราก็มาถึงหลังแป ละค่ะ เย้!!
เรามาถึงหลังแปตอนเที่ยงพอดี จุดนี้อยู่สูงจากระดับน้ำทะเล 1,288 เมตร
ขอ 1 รูป นะ >~<
ที่หลังแป จะมีป้ายบอกเส้นทางเดินเที่ยวบนภูกระดึง เส้นทางที่เดินกันก็มี 2 เส้นทาง คือเส้นน้ำตก และเส้นเลียบผา ไว้เดี๋ยวมาเล่ารายละเอียดอีกที
จากหลังแป เดินไปลานกางเต็นท์ 3 กม. กว่า ๆ .. เป็นทางราบตลอดทาง
พอเป็นทางราบ พี่ลูกหาบจะเอากระเป๋ามาใส่รถเข็นแทน แล้วเข็นไปจุดกางเต็นท์
เดินไปเรื่อย ๆ เจอตรงไหนที่เห็นว่าสวย (ในแบบของเรา 555) .. ก็แวะถ่ายรูปไปเรื่อย ๆ
ทางราบ เดินไม่เหนื่อยเท่าไหร่ .. แต่รู้สึกว่าร้อนกว่า ตอนเดินขึ้น เพราะไม่มีต้นไม้มาบังแดดให้เลย และบางช่วงเป็นดินทราย .. รู้สึกได้เลยว่าโดนดูดพลังตอนเดิน .. เดินประมาณ 1 ชั่วโมง ก็มาถึงจุดกางเต็นท์ ประมาณบ่ายโมง
เต็นท์ของอุทยาทเรียงกันเป็นระเบียบสวยงาม
มาถึงแล้ว ก็ติดต่อเครื่องนอนเลยค่ะ
ราคาค่าเช่า + ค่าชาร์จแบต
- ค่าเช่าเครื่องนอน
- หมอน 10 บาท / คืน
- แผ่นรองนอน 20 บาท / คืน
- ถุงนอน 30 บาท / คืน
- ผ้าห่ม 20 บาท / คืน (หรือ 30 ไม่แน่ใจค่า จำไม่ค่อยได้ ฮ่าา)
- แผนที่ แผ่นละ 10 บาท (อันนี้แนะนำ ซื้อเถอะนะ)
- ค่าบริการชาร์จแบต (5.00 – 22.00 น.)
- แบตโทรศัพท์ 20 บาท
- แบตกล้อง 20 บาท
- แบตสำรอง 40 บาท
ข้างในที่ทำการ จะมีแผนการเดินเที่ยว แนะนำไว้ด้วย
พอติดต่อ เช่าแผ่นรองนอน กับหมอนแล้ว (เราเอาถุงนอนมาเอง) ก็ไปรับของข้างหลังตึกค่ะ
ส่วนเรื่องเต็นท์ ให้ติดต่อ ตึกทางขวามือ ของในรูปค่ะ (ไม่ได้ถ่ายติดมาด้วยยย)
ถ้าเอาเต็นท์มาเอง ก็เลือกจุดกางเต็นท์ได้เลยค่ะ (จริงๆ ตอนจองพื้นที่กางเต็นท์ ต้องระบุจุดกางเต็นท์ด้วย แต่ตอนมาถึง พี่เจ้าหน้าที่บอกว่ากางตรงไหนก็ได้)
ติดต่อทุกอย่างเสร็จ… อย่าเพิ่งคิดว่าจบค่ะ คือกะว่ามาถึงบ่ายโมง ..จะกางเต็นท์ กลิ้งในเต็นท์ซักแป๊บ แล้วไปดูพระอาทิตย์ตก
แต่ แต่ แต่ … ลูกหาบของเรายังมาไม่ถึงอ่า ทำอะไรไม่ได้เลย นั่งรอซักพัก ก็ยังไม่มา เลยไปหาข้าวกินก่อนดีกว่า
ร้านขายอาหาร อยู่ข้างใน ให้เดินตรงไปเรื่อย ๆ ก็จะเจอค่ะ .. มีหลายร้าน แต่ก็ขายคล้าย ๆ กันหมด
อาหารตามสั่ง ราคา 60 – 70 บาท น้ำขวดใหญ่ 50 บาท
กินข้าวเสร็จ ก็มารอกระเป๋าต่อ .. กว่ากระเป๋าจะมาถึง เกือบ 4 โมงเย็นค่าา
ของเรายังดีนะ พี่ข้าง ๆ เรา รอจนเกือบ 5 โมง ก็แน่ะ
ตอนรับกระเป๋า ก็เอาป้าย tag ไปรับค่ะ มันจะมีเขียนน้ำหนักกระเป๋าไว้ ก็รับกระเป๋า และจ่ายเงินให้ลูกหาบ
ได้กระเป๋าแล้ว ก็ไปกางเต็นท์เลยดีกว่า เดี๋ยวจะมืดซะก่อน
อันนี้เต็นท์อุทยาน เรียงเป็นระเบียบสวยงาม ดูใหญ่ และมั่นคง
อันนี้เอามากางเอง อยากกางตรงไหนก็กาง เต็นท์เล็ก และดูพร้อมจะปลิว 555+
กางเต็นท์เสร็จ ความขี้เกียจก็เริ่มมา .. เลยเข้าไปกลิ่งเล่นในเต็นท์ … กลิ้งจนเพลินนนน สุดท้ายเลยเดินไปดูพระอาทิตย์ตกไม่ทันค่าาา เลื่อนเป็นพรุ่งนี้ละกันนะ >”< วันนี้ขอนอนก่อนละกัน
จบไป 1 วัน … วันแรก.. เดินขึ้นภูกระดึง..
เรื่องห้องน้ำ ไฟ ขอรวมไว้เอาไปเล่าคราวหน้านะคะ วันที่ 2 จะเดินเที่ยวเส้นทางน้ำตก และดูพระอาทิตย์ตกที่ผาหมากดูกค่ะ
3 Comments